RAMA Synergy 2/2568
ลองให้ AI สรุปมาในขณะฟังไปด้วย ค่อนข้างเร็วดี แต่ทั้งหมดทั้งมวน เคยได้ยินมาหมดแล้วจากส่วนกลางในระดับมหาวิทยาลัย โดยส่วนตัวก็ยังมีความรู้สึกถึงความ silo อยู่ดี เพราะนโยบายที่ได้ยินจากมหาวิทยาลัย ไม่ค่อยได้ยินจากหน่วยงานที่ต้นสังกัดมากนัก ทั้ง ๆ ที่ internal communication เป็นเรื่องสำคัญมาก ๆ ที่จะทำให้เกิด synergy กัน
ความต่อเนื่องของ policy: https://minicore-rarc.blogspot.com/search/label/policy
สรุปรายงานการประชุม RAMA Synergy Day ครั้งที่ 2 ประจำปี 2568 โดยท่านคณบดีและทีมบริหาร ซึ่งมีสาระสำคัญแบ่งเป็นหัวข้อต่าง ๆ ดังนี้
1. ภาพรวมและทิศทางนโยบาย (Strategic Direction)
- วาระสำคัญ: เป็นการครบรอบ 2 ปีของทีมบริหารชุดปัจจุบัน และเป็นปีที่คณะฯ ดำเนินการมาครบ 60 ปี โดยมุ่งเน้นการสร้างผลงานในระดับสากล (International Quality)
- เป้าหมายหลัก 3 ด้าน:
- การประสานความร่วมมือ (Integration): เน้นการทำงานร่วมกันระหว่าง 2 วิทยาเขต (พญาไทและจักรีนฤบดินทร์) เชื่อมจุดแข็งด้านความเชี่ยวชาญและพื้นที่เข้าด้วยกัน รวมถึงความร่วมมือกับคณะอื่น ๆ และภายนอก
- นวัตกรรม (Innovation): การนำ AI มาช่วยในการทำงานและวินิจฉัยโรค รวมถึงการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ
- ความยั่งยืน (Sustainability): การส่งต่อคณะฯ ที่เข้มแข็งและสิ่งแวดล้อมที่ดีให้คนรุ่นหลัง เน้นการจัดการขยะและลดมลพิษ
2. ผลการดำเนินงานและความก้าวหน้า (Key Achievements)
- ด้านการบริการ: มีการนำ หุ่นยนต์จัดยา (Robot) มาใช้ที่อาคารพระเทพรัตน์ ช่วยลดเวลารอยาจากเฉลี่ย 1 ชั่วโมงเหลือประมาณ 30 นาที และมีการพัฒนา Rama App ให้ดูผลแล็บ นัดหมาย และชำระเงินได้สะดวกขึ้น
- ด้านการศึกษาและวิจัย: มีความก้าวหน้าเรื่องการผลิต CAR-T Cell เพื่อรักษาโรคมะเร็ง, การสร้าง Soft Cadaver (อาจารย์ใหญ่ร่างนิ่ม) เพื่อการฝึกผ่าตัดที่เสมือนจริง, และการพัฒนา AI อ่านผล X-ray
- โครงการใหม่: กำลังจะเปิดศูนย์การแพทย์รามาธิบดีศรีอยุธยา (RASI) ประมาณเดือนมีนาคมปีหน้า และเตรียมลงนามสัญญาโครงการย่านนวัตกรรมโยธี รวมถึงศูนย์ราชการโซน C
3. สถานะทางการเงิน (Financial Status)
- ผลประกอบการ: ในปีที่ผ่านมา คณะฯ ยังคง ขาดทุนอยู่ประมาณ 500 กว่าล้านบาท (ซึ่งขาดทุนน้อยลงเมื่อเทียบกับปีก่อนที่ขาดทุนกว่า 900 ล้านบาท)
- สาเหตุ: เกิดจากการแบกรับต้นทุนการรักษาพยาบาลที่สูงกว่างบประมาณที่ได้รับจากภาครัฐ (เช่น สปสช. หรือประกันสังคม) โดยขาดทุนส่วนนี้ปีละกว่า 1,000 ล้านบาท ต้องอาศัยเงินบริจาคจากมูลนิธิฯ มาช่วยพยุงสถานะ
4. เรื่องเงินเพิ่มพิเศษ (โบนัส) ประจำปี
- การพิจารณา: แม้ผลประกอบการจะขาดทุน แต่เนื่องจากขาดทุน "น้อยลง" และเพื่อเป็นขวัญกำลังใจ คณะฯ จึงอนุมัติงบโบนัสรวม 15 ล้านบาท
- รายละเอียดการจ่าย:
- Main Bonus: ได้รับทุกคน เฉลี่ยคนละประมาณ 2,016 บาท
- Side Bonus: พิจารณาจากผลงานการประหยัดค่าใช้จ่ายของหน่วยงาน (เหรียญทอง/เงิน/ทองแดง)
- Top-up: สำหรับคนที่ไม่ได้เหรียญใด ๆ จะมีการเติมเงินให้ 350 บาท
- ยอดรวมโดยประมาณ:
- หน่วยงานเหรียญทอง: ได้รับรวม 3,516 บาท
- หน่วยงานเหรียญเงิน: ได้รับรวม 3,016 บาท
- หน่วยงานเหรียญทองแดง: ได้รับรวม 2,516 บาท
- หน่วยงานไม่มีเหรียญ: ได้รับรวม 2,366 บาท
- กำหนดจ่าย: เข้าพร้อมเงินเดือนวันที่ 25 ธันวาคมนี้
5. ประเด็นอื่น ๆ จากช่วงถาม-ตอบ (Q&A)
- มีการขอบคุณผู้บริหารที่ยังให้โบนัสแม้จะขาดทุน
- มีตัวแทนพนักงานสะท้อนเรื่องการตัดสวัสดิการค่าอาหารสำหรับผู้มีเงินเดือนเกินเกณฑ์ ว่าส่งผลกระทบต่อขวัญและกำลังใจของพนักงานรุ่นพี่ (Senior) ซึ่งท่านคณบดีรับเรื่องไว้พิจารณา
- ศูนย์การแพทย์ที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ คาดว่าจะเปิดให้บริการช่วงเดือนมีนาคม - กรกฎาคม ปีหน้า
เปรียบเทียบสถานการณ์ของคณะฯ ตอนนี้เหมือนกับ "การปีนเขาเอเวอเรสต์" ครับ ท่านคณบดีเปรียบเปรยว่าการจะไปให้ถึงมาตรฐาน TQA หรือจุดสูงสุดนั้น ช่วงใกล้ถึงยอดจะยากที่สุด ต้องอาศัยความร่วมมือของทุกคนในการฝ่าฟันอุปสรรค ทั้งเรื่องงานและเรื่องงบประมาณ
--
มีพูดถึงเรื่อง ห้องแลบ (Laboratory) และการปฏิบัติการทางห้องปฏิบัติการในหลายช่วงของการประชุม โดยแบ่งออกเป็น 2 ประเด็นหลัก คือ ด้านการวิจัยและด้านการบริการ ดังนี้ครับ
1. ห้องแลบด้านการวิจัย (Research Facilities) ท่านคณบดีได้เปรียบเทียบจุดแข็งของห้องแลบระหว่าง 2 วิทยาเขต เพื่อเน้นย้ำเรื่องการประสานความร่วมมือ (Integration) ครับ
- ฝั่งพญาไท: มีความเข้มแข็งในห้องแลบด้านจุลชีววิทยา (Microbiology), ชีวเคมี (Biochemistry) และพยาธิวิทยา (Pathology) -- > ตรงนี้ไม่แม่น
- ฝั่งจักรีนฤบดินทร์: มีความเข้มแข็งด้านปรีคลินิก (Pre-clinical) และวิทยาศาสตร์พื้นฐาน (Basic Science) โดยมีการลงทุนสร้างห้องแลบใหม่ ๆ เช่น
- ห้องแลบสำหรับการค้นพบยาใหม่ (Drug Discovery)
- การทำแบบจำลองอวัยวะ (Organ Models/Organoids) และ Organ-on-chip เพื่อศึกษากลไกการแก่ชรา (Aging) และเวชศาสตร์ฟื้นฟู (Regenerative Medicine)
- ห้องแลบด้านจุลชีววิทยาระดับโมเลกุล (Molecular Microbiology)
- ปัญหาที่พบ: ปัจจุบันยังมีความไม่เชื่อมต่อกัน (คอขวด) ระหว่าง Facility ของทั้งสองฝั่ง ซึ่งทางฝ่ายวิจัยกำลังพยายามทลายคอขวดนี้เพื่อให้ใช้ทรัพยากรร่วมกันได้ดียิ่งขึ้น
2. ห้องแลบด้านการบริการ (Service) มีการพูดถึงในส่วนของการพัฒนา Rama App เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ป่วย
- ปัจจุบันผู้ป่วยสามารถดู "ผลแล็บ" (Lab results) และผลเลือดผ่านทางแอปพลิเคชันได้แล้ว โดยไม่ต้องรอคิว หรือสามารถดูผลย้อนหลังได้ ทำให้ลดระยะเวลาที่ต้องอยู่ในโรงพยาบาล,
นอกจากนี้ ยังมีการพูดถึง แลบผลิตเซลล์ ในโครงการวิจัย CAR-T Cell ซึ่งเป็นการผลิตเซลล์เม็ดเลือดขาวเพื่อรักษาโรคมะเร็ง โดยมีความร่วมมือกับคณะวิทยาศาสตร์เพื่อตั้งโรงงานผลิตในอนาคต และพูดถึง ห้องปฏิบัติการกายวิภาคศาสตร์ (Clinical Anatomy) ที่มีอาจารย์ใหญ่แบบร่างนิ่ม (Soft Cadaver) ซึ่งทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่ง
--
รายงานสรุปนโยบาย ทิศทางยุทธศาสตร์ และผลการดำเนินงาน
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ประจำปี 2568
1. บทนำและสถานะปัจจุบันขององค์กร
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ในวาระครบรอบ 60 ปี (พ.ศ. 2508 - 2568) ได้เติบโตจากคณะแพทย์ขนาดเล็กสู่สถาบันการแพทย์ระดับประเทศ โดยปัจจุบันบริหารงานภายใต้โครงสร้างขนาดใหญ่ที่มีบุคลากรประมาณ 14,000 คน และคณาจารย์ 900 คน ปฏิบัติงานบน 2 วิทยาเขตหลักที่มีจุดแข็งต่างกัน ดังนี้:
วิทยาเขตพระราม 6: มีความโดดเด่นด้านประสบการณ์ของบุคลากรสูง แต่มีข้อจำกัดเรื่องความแออัดของพื้นที่ (180,000 ตร.ม.)
สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์: มีพื้นที่กว้างขวาง (400,000 ตร.ม.) และมีบุคลากรรุ่นใหม่ที่มีพลังในการสร้างสรรค์นวัตกรรมสูง
2. ทิศทางนโยบายระดับมหาวิทยาลัย (Mahidol University Alignment)
การดำเนินงานของคณะฯ มุ่งเน้นการตอบสนองต่อวิสัยทัศน์ Real World Impact ของมหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อให้ผลงานทางการแพทย์เกิดประโยชน์ต่อสังคมอย่างแท้จริง ผ่านกลยุทธ์ 3A Strategy:
Academics (Integration): การบูรณาการข้ามศาสตร์ระหว่างแพทย์และสาขาอื่น เช่น วิศวกรรมศาสตร์และสังคมศาสตร์ เพื่อการดูแลมนุษย์แบบองค์รวม
Active Learning: ปรับการศึกษาให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง (Student-Centered) เน้นการลงมือปฏิบัติจริงและการแก้ปัญหา
Amplifying Operations: การเพิ่มประสิทธิภาพผ่านนโยบาย "Regulatory Guillotine" เพื่อตัดลดกฎระเบียบที่ซ้ำซ้อนและล้าสมัย ช่วยให้คนทำงานมีความคล่องตัวสูงขึ้น
3. รายละเอียดโครงการยุทธศาสตร์และนวัตกรรม (2568-2570)
คณะฯ ได้กำหนดเป้าหมายสำคัญที่จะขับเคลื่อนในอีก 2 ปีข้างหน้าเพื่อให้เกิดการยอมรับในระดับสากล:
3.1 นวัตกรรมการรักษาขั้นสูง (CAR T-Cell Therapy)
คณะฯ มุ่งพัฒนาเทคโนโลยีเซลล์บำบัดรักษามะเร็ง (CAR T-Cell) เพื่อลดการนำเข้าเทคโนโลยีที่มีราคาสูงถึง 15 ล้านบาทต่อครั้ง
เป้าหมายใน 2 ปีข้างหน้าคือการสร้างโรงงานผลิตหรือถ่ายทอดเทคโนโลยีให้พันธมิตร เพื่อให้คนไทยเข้าถึงการรักษาในต้นทุนที่ต่ำลง
3.2 เทคโนโลยีสารสนเทศและ AI (Rama Chat)
พัฒนา Rama Chat ซึ่งเป็น AI Model เฉพาะของคณะฯ โดยประมวลผลจากฐานข้อมูล Big Data และความเชี่ยวชาญของคณาจารย์
ระบบนี้จะทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยอัจฉริยะในการตอบคำถามและสนับสนุนการตัดสินใจทางการแพทย์ให้กับบุคลากรและนักศึกษา
3.3 พื้นที่นวัตกรรมและการวิจัย (Mind Center)
สนับสนุนโครงการ Mind Center เพื่อเปิดโอกาสให้ "หมอนักประดิษฐ์" และบุคลากรทุกระดับสร้างนวัตกรรมเพื่อแก้ปัญหาในการทำงานจริง
เน้นการเชื่อมโยงงานวิจัยพื้นฐาน (Basic Science) จากจักรีนฤบดินทร์ สู่งานวิจัยทางคลินิก (Clinical Research) ที่พระราม 6
4. พันธกิจด้านการศึกษาและสังคมที่เท่าเทียม
Combined Degree: ส่งเสริมให้นักศึกษาแพทย์เรียนปริญญาโทควบในสาขาอื่น (เช่น วิศวะ หรือการจัดการ) เพื่อพัฒนาวุฒิภาวะและความคิดสร้างสรรค์ข้ามศาสตร์
Inclusive Society (สถาบันราชสุดา): คณะฯ เข้าบริหารจัดการสถาบันราชสุดาเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มสนับสนุนผู้พิการทางการมองเห็นและการได้ยิน
Communication: ปรับปรุงสถานีโทรทัศน์รามาธิบดีและช่องทางออนไลน์เพื่อการสื่อสารความรู้สุขภาพสู่ประชาชนอย่างยั่งยืน
5. การบริหารทรัพยากรบุคคลและความยั่งยืน
ความยั่งยืน (Sustainability): มุ่งเน้นการดูแลหัวใจของบุคลากร 14,000 คน และการสร้างสภาพแวดล้อมที่น่าอยู่ (ลดขยะ, ลด PM 2.5)
สวัสดิการและโบนัส: คณะฯ ชี้แจงเกณฑ์การพิจารณาเงินเพิ่มพิเศษ (โบนัส) ประจำปี 2568 โดยยึดตามผลสัมฤทธิ์ตามเป้าหมายขององค์กร
ความปลอดภัย: ให้ความสำคัญกับการซ้อมแผนเผชิญเหตุ (ไฟไหม้, แผ่นดินไหว) เพื่อลดความเสี่ยงต่อชีวิตและทรัพย์สิน

Comments
Post a Comment