[NotebookLM] Mahidol Town Hall: 365 Miles On – Driving to Real World Impact

Mahidol Town Hall: 365 Miles On – Driving to Real World Impact

วันจันทร์ที่ 14 กรกฎาคม 2568 เวลา 13.30 น. - 16.00 น. ณ อาคารอเนกประสงค์

I listened and recorded the sound at the same time — the model is extremely good these days. Below is the note from NotebookLM.

แหล่งที่มาของข้อมูลเหล่านี้เป็นบทสรุปจากการประชุมที่เน้นย้ำถึงผลกระทบเชิงปฏิบัติของโครงการและนโยบายต่างๆ ที่ดำเนินการโดยมหาวิทยาลัยมหิดลในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา การอภิปรายถูกแบ่งออกเป็นหมวดหมู่หลักๆ เช่น การขยายการดำเนินงาน ซึ่งรวมถึงการปรับปรุงระบบดิจิทัลและการจัดการโครงสร้างพื้นฐาน การขับเคลื่อนภารกิจหลัก ที่ครอบคลุมงานวิจัย การศึกษา และการบริการวิชาการ รวมถึงการขยายผลระดับภูมิภาคและระดับโลก ซึ่งเน้นบทบาทของวิทยาเขตในภูมิภาคและการสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศ ผู้บริหารแต่ละท่านจะกล่าวถึงความสำเร็จของตนในด้านที่รับผิดชอบ พร้อมทั้งยกตัวอย่างและมอบรางวัลเพื่อเป็นการส่งเสริมและกระตุ้นการมีส่วนร่วมของบุคลากร

มหาวิทยาลัยมหิดลมีกลยุทธ์และผลลัพธ์สำคัญหลายประการในการขับเคลื่อนสู่การสร้าง Real World Impact โดยใช้แนวคิดเหมือนการเล่นเกมที่มีการสะสมพลังเพื่อ เลเวล ในปีต่อ ๆ ไป การดำเนินงานตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาถูกจัดเป็นภารกิจหลักภายใต้กลุ่มกลยุทธ์ต่าง ๆ เพื่อให้เกิดผลกระทบเชิงรูปธรรม

กลยุทธ์และผลลัพธ์สำคัญ ได้แก่:

  • A3: Amplifying Operation (การบริหารจัดการ) มุ่งเน้นการยกระดับประสิทธิภาพและความรวดเร็วในการดำเนินงาน:

    • ระบบ e-Office และ e-Signature: นำกลับมาใช้และเพิ่มฟังก์ชัน e-signature ทำให้สามารถเซ็นงานได้ทุกที่ทุกเวลา ช่วยอำนวยความสะดวกอย่างมาก เป็นความร่วมมือระหว่างกองไอทีและกองบริหารงานทั่วไป
    • การปรับปรุงโรงงานผลิตยาที่มีชีวิต (MU BiL): เพื่อรองรับงานวิจัยและการผลิตยาชีวภาพต่าง ๆ งบประมาณออกแบบ 23 ล้านบาท (จากมูลนิธิมหาวิทยาลัยมหิดล) และงบประมาณปรับปรุงเกือบ 2,000 ล้านบาท (จากงบประมาณแผ่นดินและภาคเอกชน เช่น สยามไบโอไซเอนซ์, BDMS Group, ธนาคารกรุงเทพ) คาดว่าจะสามารถผลิตเวคเตอร์เพื่อทำ ATMP ได้ภายใน 18 เดือน ช่วยให้นักวิจัยสามารถต่อยอดงานวิจัยสู่เชิงพาณิชย์ได้
    • การดูแล Well-being ของบุคลากร:
      • บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรค (ปีนี้มีผู้ลงทะเบียนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 2,600 คน)
      • สิทธิประโยชน์สำหรับผู้เกษียณอายุ (เลือกใช้สิทธิ์ 30 บาทกับโรงพยาบาลรามาธิบดีหรือศิริราชได้)
      • ประกันสุขภาพที่เลือกโรงพยาบาลได้
      • ส่วนลดค่าเล่าเรียนบุตรหลานบุคลากร 50% ที่วิทยาลัยนานาชาติ (MUIC) และสาธิตนานาชาติ (คิดเป็นมูลค่า 1 ล้านบาท)
      • ปรับระเบียบให้สอดคล้องกับ สมรสเท่าเทียม ทำให้คู่สมรสได้รับสวัสดิการ
      • การลาเพื่อดูแลครอบครัวในระยะสุดท้าย
      • จัดทำ HR Dashboard เพื่อบริหารจัดการบุคลากรด้วยข้อมูล
    • ระบบกายภาพและสิ่งแวดล้อม:
      • ยานพาหนะพลังงานสะอาด: รถบัสไฟฟ้า 15 คันพร้อมแอปพลิเคชันติดตาม และรถ Shuttle Bus ไฟฟ้า
      • จักรยาน Anywheel: ให้บริการ 620 คันผ่านแอปฯ มีผู้ใช้งาน 2,000 เที่ยวต่อวันในช่วงเปิดเทอม
      • ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน: พัฒนาพื้นที่ Innovation Wall (ถนน, ทางเท้า, สาธารณูปโภค, ที่จอดรถ) และทางเดินมีหลังคาเชื่อมต่อต่าง ๆ
      • การเปิดทางเข้า-ออกใหม่: เชื่อมต่อสถานีรถไฟฟ้าศาลายา (สายสีแดง) ด้วยทางเดินและจักรยาน 5 เมตร พร้อมสร้างสะพานเชื่อมไปยังโรงเรียนสาธิตนานาชาติ และเปิดทางออกทิศตะวันตก (เจ้าของที่ดินบริจาค 3 ไร่) ซึ่งจะเป็นที่ตั้งของศูนย์ Mobile Stroke Unit
      • การจัดการ: ใช้ AI Camera ตรวจจับป้ายทะเบียนและหมวกกันน็อคที่ทุกทางเข้า-ออก จัดการขยะและการจราจร
    • ด้านไอทีและ Digital Transformation:
      • ซอฟต์แวร์: จัดซื้อ VMware, Adobe, Office, Google Workspace ประหยัดงบ 265 ล้านบาทใน 3 ปี
      • Cyber Security: ยกระดับความปลอดภัยด้วยการย้ายเซิร์ฟเวอร์ขึ้นคลาวด์และใช้ WAF ตรวจจับการโจมตี พัฒนาระบบ "แวบ" เพื่อความปลอดภัยของเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ ใช้ AI ตรวจจับพฤติกรรมผิดปกติ
      • AI: พัฒนา MU Sandbox และ Marvis (ใช้ GMIN Pro 2.5 และกำลังจะได้ GPT-4) เปิดให้บุคลากรและนักศึกษา 60,000 คนใช้ฟรี พัฒนา Agentic AI เพื่อเพิ่มระบบอัตโนมัติในการทำงาน
      • Blockchain: นำร่องที่ศิริราชในการแชร์ประวัติผู้ป่วยของบุคลากร 60,000 คนผ่านมือถือ และจะพัฒนาสำหรับ Digital Transcript ของนักศึกษา
      • Telehealth: ร่วมมือกับกองกิจการนักศึกษาและ HR เพื่อบริการทางการแพทย์ทางไกล
    • ด้านคลังและการเงิน:
      • เพิ่มความรวดเร็ว: ลดขั้นตอนในการเซ็นงานและการจัดซื้อจัดจ้าง (เร็วขึ้น 24 ชั่วโมง)
      • ระบบอัตโนมัติ: จัดซื้อจัดจ้างอัตโนมัติ ผู้ใช้ตรวจสอบสถานะได้
      • ข้อมูลและ Dashboard: แปลงข้อมูลการเงินเป็น Dashboard เพื่อให้หน่วยงานจัดการงบประมาณและกระแสเงินสดได้ดีขึ้น
      • การใช้ AI ในการตรวจสอบการจ่ายเงิน: เริ่มนำร่องที่วิทยาเขตกาญจนบุรี
      • งบงานวิจัย: ออกประกาศฉบับใหม่ให้รวดเร็วขึ้น
      • การใช้มือถือ: ผู้บริหารสามารถเข้าถึงข้อมูลผ่านมือถือได้จากศูนย์ธรรมาภิบาลข้อมูล
  • A1: Synergy Research (ด้านการวิจัย) มุ่งสร้างผลกระทบจากการวิจัย:

    • แพลตฟอร์มวิจัย: ขยาย MLEX Portal (เพิ่มผู้ใช้ 7.5 เท่าใน 1 ปี) เชื่อมต่อฐานข้อมูลวิจัยกับ NRIS (เป็น 1 ใน 2 ของโลกที่ทำสำเร็จ)
    • ความร่วมมือ: สร้าง Synergy Platform กับ สวทช. ให้นักวิจัยใช้เครื่องมือและโครงสร้างพื้นฐานร่วมกัน เป็นเจ้าภาพการประชุมวิจัยระดับประเทศ
    • การสร้างการยอมรับ: จัดตั้งรางวัล "จงเจตน์ มีวิทย" (71 ผลงานวิจัย) และโครงการ MU Top 100 Researcher เพื่อส่งเสริมการวิจัยในทุกสาขา รวมถึงสังคมศาสตร์
    • คุณภาพงานวิจัย: คุณภาพผลงานตีพิมพ์เพิ่มขึ้นจาก 61% เป็น 67% ปัจจุบันอยู่ในอันดับ 1 ของประเทศในด้านผลงานตีพิมพ์ (ร่วม)
    • การสนับสนุนนักวิจัย: นำองค์ความรู้เข้าสู่ MU Sandbox เพื่อให้คำปรึกษาด้านการทำวิจัย สนับสนุนทุน Cluster Funding และ MU Holding
    • ปรับปรุงกระบวนการ: Portal การส่งทุนวิจัยแบบ One Stop Service (เร็วขึ้นเกือบเท่าตัว) ลดเวลาการทำ CTA และ MTA ลงครึ่งหนึ่ง นำร่อง Virtual Account เพื่อเบิกจ่ายทุนวิจัยงวดแรกได้รวดเร็วขึ้น
  • A2: Empowering Learners (ด้านการศึกษา) มุ่งเน้นการสร้างผู้เรียนให้พร้อมสำหรับอนาคต:

    • การขับเคลื่อนระดับชาติ: เป็นผู้นำศูนย์ Gen Ed (General Education and Transferable Skill Center of Excellent) ของกระทรวง อว.
    • ความร่วมมือข้ามสถาบัน: ร่วมมือกับ ม.เกษตรศาสตร์, จุฬาฯ, ธรรมศาสตร์ เพื่อให้ลงทะเบียนรายวิชา Gen Ed ข้ามสถาบันและมีหลักสูตรร่วมกัน (เช่น 2+2 ด้าน SDG กับ ม.ธรรมศาสตร์)
    • แพลตฟอร์มการเรียนรู้: MU-X (Mahidol University Extension) และ MUL (Authentic Life Long Learning) เพื่อกระจายการเข้าถึงข้อมูลการศึกษาและเชื่อมต่อกับ ม.เชียงใหม่
    • GE Plus: ออกแบบบทเรียนให้ประสบการณ์สามารถนำมาคิดเป็นหน่วยกิตได้
    • การพัฒนาอาจารย์: พัฒนาระบบ UKPSF/MUsF (มี Senior Fellow มากที่สุดในประเทศไทย 144 คน)
    • ระบบคลังหน่วยกิต: พัฒนาระบบสำหรับ Micro-credential
    • CWIE (Corporate and Work Integrated Education): ทุกหลักสูตรปริญญาตรีจะนำนักศึกษาไปทำงานจริงในสถานประกอบการ
    • Skill Transcript: พัฒนาเพื่อแสดงทักษะของผู้เรียนนอกเหนือจาก Academic Transcript
    • ทักษะแห่งอนาคต: มุ่งเน้นการเรียนรู้ AI, SDG, Digital skills
    • เทคโนโลยีช่วยเรียนรู้: Buddy (AI Chatbot ตอบคำถามนักศึกษา) และ Find Me (แพลตฟอร์มช่วยนักเรียน ม.ปลาย เลือกคณะที่เหมาะสม)
    • Future Ready Education และ Miracle Project: โครงการนำร่องที่สำคัญเกี่ยวกับการศึกษา
  • กิจการนักศึกษา: มุ่งดูแลนักศึกษาอย่างครอบคลุมตั้งแต่ก่อนเข้าจนถึงหลังสำเร็จการศึกษา:

    • Open House: ผู้สนใจลงทะเบียนเกือบ 40,000 คน คาดผู้เข้าร่วมงานเกือบ 50,000 คน
    • สุขภาพจิต: โครงการเชิงรุก "Heal ใจ Festival" ช่วยให้นักศึกษารู้จักตรวจสุขภาพใจตนเอง (เปิดให้บุคลากรด้วย)
    • ทุนการศึกษา: จัดหาทุนทั้งจากมหาวิทยาลัย (กว่า 20 ล้านบาท) และภายนอก (กว่า 20 ล้านบาทจาก Hatari, TOA)
    • การหางาน: จัด Job Fair
    • ทักษะชีวิต: จัดห้องฝึก CPR พร้อมหุ่นจริงและเครื่อง AED ให้บุคลากรและนักศึกษา
    • MUidon Application: แอปพลิเคชันเชื่อมโยงสิทธิประโยชน์และส่วนลดต่าง ๆ สำหรับนักศึกษาและบุคลากร
  • ด้านคุณภาพและบริการวิชาการ: เป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญสู่ Real World Impact:

    • ระบบคุณภาพ (SPEX): ใช้มาตั้งแต่ปี 2010 มีหน่วยงานได้รับรางวัล TQC/TQC Plus 18 รางวัล (ปีที่ผ่านมา 4 รางวัล)
    • International Accreditation (AUN-QA): 83 หลักสูตรได้รับ International Accreditation
    • บันไดสู่ Real World Impact: กำหนด 4 ขั้นตอน: 1. แก้ปัญหา (Problem Solving) 2. สร้างความตระหนักรู้ (Raise Awareness) 3. เปลี่ยนพฤติกรรม (Behavior Change) 4. เปลี่ยนแปลงเชิงนโยบาย (Policy Change)
    • แหล่งทุน: จัดหาทุน Policy Lab, Social Engagement, SDG Living Lab
    • โครงการ Mahidol Change Agent: สร้างตัวแทนผู้ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง 56 คน
    • ความร่วมมือกับ ม. ภายนอก: เยี่ยมชมและร่วมมือกับ จุฬาฯ, เกษตร, ธรรมศาสตร์ เช่น โครงการ SDG Fest, การศึกษาคติชนที่น่าน
  • วิทยาเขต (Area-based): วิทยาเขตทั้ง 3 แห่ง (นครสวรรค์, อำนาจเจริญ, กาญจนบุรี) เป็น Sandbox ที่ดีสำหรับการสร้าง Real World Impact ในพื้นที่:

    • นครสวรรค์: เน้นการแพทย์, สาธารณสุข, เกษตร, สิ่งแวดล้อม, ความมั่นคงทางอาหาร พัฒนาพื้นที่บึงบอระเพ็ด, โครงการเกษตรอินทรีย์, ดูแลโรงเรียนเทศบาลด้วยกระบวนการจิตปัญญาศึกษา พัฒนาการแพทย์แผนไทยและการเลี้ยงผึ้งกับคนพิการ, โครงการพอแล้วดี (ไมโครเครดิต)
    • อำนาจเจริญ: ดูแลโครงสร้างพื้นฐาน (ไฟฟ้า, น้ำประปา) โครงการโซลาร์เซลล์มูลค่ารวม 26 ล้านบาท มุ่งสู่ Waste-Free Campus เปิดหลักสูตรใหม่ "วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต ชุมชนสุขภาวะและความยั่งยืน" สนับสนุนกลุ่มผ้าทอพื้นเมือง เพิ่มรายได้จาก 800 เป็น 12,000 บาท/เดือน ดูแลเด็ก (พัฒนา IQ ร่วมกับสถาบันเด็กฯ) และผู้สูงอายุ (ขยายศูนย์ดูแลกลางวันครบ 6 อำเภอ) ขยายความร่วมมือกับต่างประเทศ และส่งนักศึกษาเกษตรฝึกงานที่ออสเตรเลียพร้อมรับรายได้
    • กาญจนบุรี: พัฒนาจังหวัดสู่ศูนย์กลางภาพยนตร์ (เช่น โครงการเกี่ยวกับผีที่โรงงานกระดาษ) และอาหาร (ป๊อปคอร์นแกงป่า) พัฒนาหลักสูตรให้ใกล้เคียงส่วนกลาง มีเอกชนและต่างชาติร่วมมือเกือบทุกหลักสูตร ได้รับ ISO 14001 และกำลังมุ่งสู่ ISO 45000 ได้รางวัล Green Area, Green Residence ลดเวลาการอนุมัติแผนและจัดซื้อจัดจ้างได้กว่า 40-77% มุ่งเป็น Eco และ Smart Campus
  • Branding & Corporate Communication: สื่อสารเพื่อสร้างภาพลักษณ์และคุณค่าของมหาวิทยาลัย:

    • Communication Synergy: จัด Townhall ภายในองค์กร สื่อสารภายนอกด้วย One Message, One Voice, Many Channels (เช่น Press Conference มีการมองเห็น 64 ล้านครั้ง) เปิดแพลตฟอร์ม TikTok
    • Sustainable Brand: สร้างพันธมิตรกับมหาวิทยาลัยอื่น ๆ (จุฬาฯ, ธรรมศาสตร์, เกษตร) และสื่อต่าง ๆ (Thai PBS, The Standard) พัฒนากลิ่น MU Fragrance และสินค้าต่าง ๆ
    • World Class Reputation: วางแผนแพลตฟอร์มสื่อต่างประเทศและ Faculty Synergy for International Reputation ระดมทุน 1,000 ล้านบาทเพื่อสร้าง MU BiL
  • Global Partnership: สร้าง Real World Impact สู่ประชาคมโลก:

    • Capacity Building: มหาวิทยาลัยมีนโยบายสร้าง "สุขภาวะ" ให้คนไทยและประชาคมโลก เช่น การช่วยประเทศซามัวในการสร้างศักยภาพด้านการรักษาพยาบาล (Medical Diplomacy)
    • โครงการความร่วมมือ: มีส่วนงานเข้าร่วมกว่า 15 ส่วนงาน และได้ลงนามความร่วมมือกับกระทรวงการต่างประเทศอีก 16 โครงการสำหรับ 3 ปีข้างหน้า
    • การสร้าง Flagship ระดับประเทศ: ความร่วมมือกับมูลนิธิมหิดล องค์กรต่างประเทศ และองค์กรในประเทศ เพื่อผลักดันให้เป็นโครงการระดับประเทศ
    • ปรัชญา: ไม่ต้องถามว่าทำที่ไหน แต่สำคัญคือ เราทำได้แล้วและได้ทำ เป็นการเดินทางระยะยาวที่บุคลากรและนักศึกษาทุกคนต้องร่วมกัน

โดยรวมแล้ว มหาวิทยาลัยมหิดลได้ก้าวไปสู่การเป็นมหาวิทยาลัยระดับโลกและสร้าง Real World Impact อย่างแท้จริงผ่านการพัฒนาและขับเคลื่อนในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นด้านการบริหารจัดการ, การวิจัย, การศึกษา, กิจการนักศึกษา, คุณภาพ, บริการวิชาการ, การพัฒนาวิทยาเขต และความร่วมมือระดับนานาชาติ

ผู้ช่วยอธิการบดีแต่ละท่านมีส่วนร่วมและมีผลงานเด่นในการขับเคลื่อนนโยบายของมหาวิทยาลัยมหิดลในช่วง 365 วันที่ผ่านมา โดยสามารถแบ่งตามกลุ่มพันธกิจได้ดังนี้ค่ะ:

กลุ่มที่ 1: A3 Amplifying Operation (การเสริมสร้างประสิทธิภาพการดำเนินงาน)

  • ท่านรองศาสตราจารย์ นายแพทย์ สิทธิวัฒน์ เลิศในสัตย์ (รองอธิการบดีฝ่ายบริหาร)
    • งานเพื่อปัจจุบัน: นำระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ (e-document) กลับมาใช้ใหม่ พร้อมเพิ่มฟังก์ชัน e-signature ที่ช่วยให้บุคลากรสามารถเซ็นงานได้จากทุกที่ทุกเวลา ซึ่งเริ่มใช้ตั้งแต่เดือนเมษายนและดำเนินการมาเกือบ 4 เดือนแล้ว
    • งานเพื่ออนาคต: ดำเนินการปรับปรุง โรงงานผลิตยาที่มีชีวิต (MU BiL) ซึ่งจะรองรับงานวิจัยและบริการวิชาการด้านการผลิตยาที่มีชีวิต ได้เริ่มการออกแบบแล้วโดยใช้งบประมาณ 23 ล้านบาท (จากมูลนิธิมหาวิทยาลัยมหิดล) และการปรับปรุงจะใช้งบประมาณเกือบ 2,000 ล้านบาท (จากงบประมาณแผ่นดินและการลงทุนร่วมกับภาคเอกชน เช่น บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์, BDMS Group, ธนาคารกรุงเทพฯ) ท่านเชื่อว่าภายใน 18 เดือน โรงงานนี้จะสามารถผลิตเวคเตอร์สำหรับ ATMP ได้เอง และนักวิจัยจะสามารถนำงานวิจัยเกี่ยวกับ CAR T-cell และ STEM cell มาต่อยอดสู่การขึ้นทะเบียนและเชิงพาณิชย์ได้
  • ท่านรองศาสตราจารย์ นายแพทย์ นารา ล่ำซำ (รองอธิการบดีฝ่ายทรัพยากรบุคคล)
    • เน้นนโยบายหลักด้าน Well-being (ความเป็นอยู่ที่ดี) ของบุคลากร
    • สวัสดิการด้านสุขภาพ: ให้บริการฉีดวัคซีนแก่บุคลากร โดยปีนี้มีผู้ลงทะเบียนสูงสุดถึง 2,600 คน ในวันที่ 29-30 กันยายน ด้วยความร่วมมือกับโรงพยาบาลรามาธิบดี
    • ดูแลผู้เกษียณอายุ: ผู้ที่จะเกษียณในวันที่ 30 กันยายน สามารถเลือกสิทธิ์ 30 บาท กับโรงพยาบาลรามาธิบดีหรือศิริราชได้
    • ประกันสุขภาพ: อยู่ระหว่างดำเนินการให้บุคลากรสามารถเลือกประกันสุขภาพกับรามาธิบดีหรือศิริราชได้
    • ส่วนลดค่าเล่าเรียนบุตร: วิทยาลัยนานาชาติ (MUIC) และโรงเรียนสาธิตนานาชาติให้ส่วนลดค่าเล่าเรียนบุตรหลานบุคลากรถึง 50% คิดเป็นมูลค่า 1 ล้านบาท
    • นโยบาย Inclusive และ Equity: ปรับระเบียบและข้อบังคับให้สอดคล้องกับ สมรสเท่าเทียม เพื่อให้คู่สมรสได้รับสวัสดิการมหาวิทยาลัย รวมถึงการลาเพื่อดูแลครอบครัวในระยะสุดท้าย
    • HR Dashboard: พัฒนา HR Dashboard เพื่อให้ผู้บริหารใช้ข้อมูลในการบริหารจัดการบุคลากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ คาดว่าในปีหน้าจะมีนวัตกรรมใหม่ ๆ ด้านสวัสดิการสุขภาพที่ช่วยให้บุคลากรสามารถขยายผล Flex Benefit ได้เป็นเท่าตัว
  • ท่านรองศาสตราจารย์ ดร. เภสัชกร อิทธิโชติ กาหลง (รองอธิการบดีฝ่ายกายภาพและสิ่งแวดล้อม)
    • การพัฒนายานพาหนะ: ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน จะมี รถบัสไฟฟ้า จำนวน 15 คัน ที่สามารถติดตามได้ด้วยแอปพลิเคชัน มาทดแทนรถราง และมีรถ Shuttle Bus ไฟฟ้าวิ่งระหว่างวิทยาเขต
    • โครงการจักรยาน Anywheel: ให้บริการจักรยาน 620 คัน ผ่านแอปพลิเคชัน Anywheel ตั้งแต่เดือนธันวาคม มีผู้ใช้กว่า 2,000 เที่ยวต่อวันในช่วงเปิดเทอม
    • ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน: ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานและทางเท้าทั่วทั้งมหาวิทยาลัย เพื่อส่งเสริมการเดิน เช่น พื้นที่ Innovation Wall และทางเดินมีหลังคาเชื่อมไปยังอาคารจอดรถ
    • เปิดทางเข้าออกใหม่:
      • เชื่อมต่อสถานีรถไฟฟ้าศาลายา: เตรียมก่อสร้างทางเดินเท้าและจักรยานขนาด 5 เมตร พร้อมสะพานเชื่อมไปสถานีรถไฟฟ้าศาลายาและโรงเรียนสาธิตนานาชาติ
      • ด้านทิศตะวันตก: ได้รับการบริจาคที่ดิน 3 ไร่ เพื่อเป็นทางเข้าออกใหม่ด้านทิศตะวันตก ซึ่งจะเป็นที่ตั้งของ ศูนย์ความเป็นเลิศ Mobile Stroke Unit โดยความร่วมมือกับคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลและคณะวิศวกรรมศาสตร์
    • การบริหารจัดการ: ใช้กล้อง AI Camera อ่านป้ายทะเบียนรถและตรวจจับหมวกกันน็อคที่ทางเข้า-ออกทุกประเภท รวมถึงการจัดการแสงสว่าง ขยะ และการจราจร
  • ท่านรองศาสตราจารย์ ดร. เชิดชัย นพมณีจำรัสเลิศ (รองอธิการบดีฝ่ายเทคโนโลยีดิจิทัล)
    • Digital Transformation: จัดซื้อแอปพลิเคชันและซอฟต์แวร์สำคัญ เช่น VMware, Adobe, Office, Google Workspace ซึ่งช่วยประหยัดงบประมาณรวม 265 ล้านบาทใน 3 ปีข้างหน้า
    • Cyber Security: ปรับปรุงความปลอดภัยทางไซเบอร์ โดยร่วมมือกับพันธมิตรในการพัฒนา WAF (Web Application Firewall) ย้ายเซิร์ฟเวอร์ขึ้นคลาวด์ และใช้ AI ในการตรวจจับและบล็อกการโจมตี
    • AI Development: พัฒนา MU Sandbox กับ Marvis AI โดยจัดซื้อโมเดลสำคัญอย่าง GMIN Pro 2.5 และเตรียมพร้อมสำหรับ GPT-4 ซึ่งจะให้บริการฟรีแก่บุคลากร 60,000 คน มีแผนพัฒนา Marvis AI ให้ฉลาดขึ้นเพื่อรองรับการศึกษา การวิจัย และการบริการ
    • Agentic AI และ Blockchain: สนับสนุนการนำ Agentic AI มาใช้อัตโนมัติในงานต่าง ๆ และได้ทดลองใช้ Blockchain กับศิริราชในการแชร์ประวัติผู้ป่วย 60,000 คนใน 10 โรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยผ่านมือถือ
    • มีแผนพัฒนา Digital Transcript ของนักศึกษาผ่าน Blockchain และร่วมมือกับกองกิจการนักศึกษาและ HR ในการทำ Telehealth
    • ร่วมกับรองคลังในการผลักดัน Digital Transformation ทำให้งานต่าง ๆ รวดเร็วขึ้นอย่างมาก
  • ท่านรองศาสตราจารย์ ดร. สรายุทธ ปิติยุติ (รองอธิการบดีฝ่ายคลัง)
    • ปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงาน: ทำให้การทำงานคล่องตัวและรวดเร็วขึ้น เช่น การเซ็นงานแบบ Fast Food 24 hour และลด Layer ของสารบรรณลง 1 Layer
    • ระบบจัดซื้อจัดจ้างอัตโนมัติ: พัฒนาระบบเพื่อให้งานพัสดุเป็นอัตโนมัติ ผู้ใช้สามารถตรวจสอบสถานะการจัดซื้อจัดจ้างได้ในระบบ
    • การบริหารงบประมาณ: แปลงข้อมูลทางการเงินเป็น Dashboard เพื่อให้แต่ละหน่วยงานสามารถดูและบริหารงบประมาณและกระแสเงินสดของตนเองได้
    • การนำ AI มาใช้: ทดลองใช้ระบบตรวจจ่ายแบบใหม่ด้วย AI ร่วมกับวิทยาเขตกาญจนบุรี
    • ประกาศทุนงานวิจัยใหม่: ออกประกาศฉบับใหม่ที่ช่วยให้การขอทุนงานวิจัยรวดเร็วขึ้น
    • การเข้าถึงข้อมูลผู้บริหาร: ผู้บริหารสามารถใช้มือถือเข้าถึงข้อมูลผ่านศูนย์ธรรมาภิบาลข้อมูลได้
    • ร่วมกับรอง IT ในการผลักดัน Digital Transformation ทำให้งานต่าง ๆ รวดเร็วขึ้นอย่างมาก

กลุ่มที่ 2: พันธกิจหลัก (A1 Synergy Research และ A2 Empowering Learners)

  • ท่านรองศาสตราจารย์ ดร. นายแพทย์ ยศนันต์ สันติคุณากร (รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย)
    • Synergy Platform: ขยายการใช้งาน Mlex Portal ให้นักวิจัยอัปโหลดโปรไฟล์ (ผู้ใช้งานเพิ่มขึ้น 7.5 เท่าใน 1 ปี) และเชื่อมต่อฐานข้อมูลวิจัยเข้ากับฐานข้อมูลนานาชาติ NRIS ซึ่งเป็น 1 ใน 2 แห่งของโลกที่ทำสำเร็จ
    • ความร่วมมือด้านเครื่องมือ: ร่วมมือกับ สวทช. (สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ) เพื่อให้นักวิจัยสามารถใช้เครื่องมือและโครงสร้างพื้นฐานของ สวทช. ได้
    • ความเป็นผู้นำงานวิจัย: มหิดลเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม Ran Summit ซึ่งเป็นการรวมตัวของมหาวิทยาลัยวิจัยชั้นนำทั่วประเทศ
    • คุณภาพงานวิจัย: เพิ่มคุณภาพของงานวิจัยจาก 61% เป็น 67% และมหิดลขึ้นเป็นอันดับ 1 (ร่วม) ในผลงานตีพิมพ์
    • TL Step Up: นำองค์ความรู้เข้าสู่ MU Sandbox เพื่อเป็น Personalized Consultant สำหรับงานวิจัยที่ต้องการความสอดคล้อง (compliant) และสนับสนุนทุน Cluster ที่เสริมกับทุนวิจัย
    • การปรับปรุงกระบวนการ: จัดตั้ง Portal แบบ One-stop สำหรับการส่งขอทุนวิจัย ทำให้การบริหารจัดการทุนวิจัยเร็วขึ้นเกือบเท่าตัว และลดเวลาการทำ CTA (Clinical Trial Agreement) และตรวจสอบ MTA (Material Transfer Agreement) ลงครึ่งหนึ่ง
    • การเบิกจ่ายทุนวิจัย: ดำเนินการโครงการ Getting DUN ในการเบิกจ่ายทุนวิจัยงวดที่ 1 สำเร็จ และกำลังทดลอง Virtual Account เพื่อให้เงินทุนเข้าถึงนักวิจัยได้ง่ายขึ้น
  • ท่านรองศาสตราจารย์ ดร. เภสัชกร วรพงษ์ ภู่เจริญ (รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ)
    • การขอตำแหน่งทางวิชาการ:
      • สายวิชาการ: มีบุคลากรยื่นขอตำแหน่งวิชาการ 257 ราย และทีมงานได้กลั่นกรองเอกสารไปแล้ว 73% ซึ่งถือเป็นการทำงานที่รวดเร็วขึ้นอย่างมาก
      • ระบบสารสนเทศ: พัฒนาระบบแพลตฟอร์มสารสนเทศเพื่อช่วยในการขอตำแหน่งวิชาการ ซึ่งจะมีฟังก์ชัน Self-submit, Auto format, Tracking และการแจ้งเตือน โดยจะเริ่มใช้ในต้นเดือนกันยายน
      • สายสนับสนุน: มีบุคลากรสายสนับสนุนยื่นขอเพิ่มลำดับงาน 289 ราย และมี 55 รายได้รับการอนุมัติให้เพิ่มตำแหน่งสูงขึ้น
    • สนับสนุนการตีพิมพ์และตำรา:
      • Mahidol eJournal: ปรับระดับจาก Tier 2 เป็น Tier 1 เพิ่มความน่าเชื่อถือ และเพิ่มจำนวนงานตีพิมพ์จาก 12 เป็น 14 งานต่อฉบับ
      • MU Press: ส่งเสริมให้บุคลากรใช้บริการสำนักพิมพ์ MU Press มากขึ้น
  • ท่านรองศาสตราจารย์ นายแพทย์ เนติ สุขสมบูรณ์ (รองอธิการบดีฝ่ายการศึกษา)
    • การขับเคลื่อนการศึกษา 3 ระดับ:
      • ระดับชาติ: มหาวิทยาลัยเป็นผู้นำในการขับเคลื่อน ศูนย์ GenEd (สทท.) ซึ่งเป็นศูนย์ความเป็นเลิศด้าน General Education และ Transferable Skill ภายใต้กระทรวง อว.
      • ความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยอื่น: ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในการลงทะเบียนรายวิชา GenEd ข้ามสถาบันได้ และมีหลักสูตรร่วมแบบ 2+2 กับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในด้าน SDG ซึ่งจะเริ่มรับนักศึกษาในปีหน้า
      • แพลตฟอร์มความร่วมมือ: ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ในแพลตฟอร์ม MU Extension และ MUL (Authentic Life Long Learning) ซึ่งเป็น Portal ที่รวมทุกสิ่งของแต่ละส่วนงานของมหาวิทยาลัย
    • การออกแบบบทเรียน: ออกแบบบทเรียน General Education Plus (GE Plus) ที่อนุญาตให้นำประสบการณ์ต่าง ๆ มาคิดเป็นหน่วยกิตได้ เพื่อ Empowering Learner
    • การพัฒนาอาจารย์: ผลักดัน UKPSF/MUsF (MUPSF Level 2, 3, 4) และจะมีการทำระบบคลังหน่วยกิตเพื่อเก็บ Micro-credentials
    • หลักสูตรอนาคต: หลักสูตรปริญญาตรีในอนาคตจะเป็นแบบ CWIE (Corporate and Work Integrated Education) ที่ให้นักศึกษาได้ทำงานจริงในสถานประกอบการ และจะมี Skill Transcript เพิ่มเติมจาก Academic Transcript
    • เทคโนโลยีในกิจกรรมการศึกษา: มี Buddy AI ช่วยนักศึกษาตอบคำถาม และแพลตฟอร์ม File Me ช่วยนักเรียนมัธยมเลือกคณะ
    • ผลักดัน Future Ready Education และ Miracle Project (AI ในการศึกษา)
  • ท่านรองศาสตราจารย์ นายแพทย์ จุ๊บ ชัชชัย มานะวุฒิเวช (รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา)
    • ดูแลนักศึกษาครบวงจร: ดูแลนักศึกษาตั้งแต่ก่อนเข้าเรียนจนจบและหลังจบการศึกษา
    • กิจกรรมนักศึกษา: เตรียมจัดงาน Open House ในเดือนกันยายน ซึ่งคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมเกือบ 50,000 คน และเตรียมรับนักศึกษากลับมาในช่วง 2 สัปดาห์แรก
    • สุขภาพกายและใจ: ดำเนินโครงการ "ฮิวใจ Festival" เพื่อดูแลสุขภาพใจของนักศึกษาเชิงรุก และเตรียมเปิดห้องฝึก CPR พร้อมหุ่นจริงและเครื่อง AED ให้บุคลากรได้ฝึก
    • ทุนการศึกษา: จัดหาทุนการศึกษาทั้งจากภายใน (20 กว่าล้านบาท/ปี) และภายนอก (ปีที่แล้วได้อีก 20 กว่าล้านบาทจาก Hatari, TOA)
    • การหางาน: จัด Job Fair เพื่อช่วยนักศึกษาหางาน
    • MUidon Application: พัฒนาแอปพลิเคชัน MUidon เพื่อเป็นศูนย์รวมสิทธิประโยชน์และข้อมูลต่าง ๆ สำหรับนักศึกษาและบุคลากร
  • ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. สมภพ รอดเรือง (รองอธิการบดีฝ่ายนโยบายและแผน)
    • ระบบคุณภาพ: มหาวิทยาลัยใช้ Spex มากว่า 15 ปี มี 18 หน่วยงานได้รับรางวัล TQC/TQC Plus (ปีที่ผ่านมา 4 หน่วยงานคือ ทันตะ, พยาบาล, เภสัช, และ IFS ของรามา)
    • หลักสูตรคุณภาพ: มี 83 หลักสูตรจาก 22 คณะ/วิทยาลัย/สถาบัน ที่ได้รับการรับรอง International Accreditation
    • บริการวิชาการเพื่อ Real World Impact: ดูแลยุทธศาสตร์บริการวิชาการ มี 4 ขั้นตอน: การแก้ปัญหา, สร้างความตระหนักรู้, เปลี่ยนพฤติกรรม, และเปลี่ยนนโยบาย
    • SDG Living Lab: มีทุนสนับสนุนโครงการ Policy Lab Funding, Social Engagement Funding, และ SDG Living Lab Funding โดยเน้นเรื่องการลดขยะและ Food Management เช่น โครงการโรงอาหาร Healthy Cuisine ของคณะสาธารณสุขศาสตร์
    • Mahidol Change Agent: จัดโครงการ Mahidol Change Agent รุ่นที่ 1 เพื่อผลักดันการเปลี่ยนแปลง
    • ความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยภายนอก: มีความร่วมมือกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (เช่น โครงการศึกษาคติชนที่น่าน) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพื่อสร้าง Synergy

กลุ่มที่ 3: วิทยาเขต แบรนด์ และพันธมิตรระดับโลก

  • วิทยาเขตนครสวรรค์:
    • พันธกิจเพื่อพื้นที่: ส่งมอบ Real World Impact ให้กับพื้นที่ในด้านการแพทย์ สาธารณสุข การเกษตร สิ่งแวดล้อม และความมั่นคงทางอาหาร
    • งานวิจัยและพัฒนาชุมชน: เน้นพัฒนาพื้นที่บึงบอระเพ็ด ทั้งเศรษฐกิจฐานราก, การเกษตรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม, การดูแลทรัพยากรธรรมชาติ และการจัดการน้ำ
    • การศึกษาและพัฒนาสังคม: ดูแลโรงเรียนในสังกัดเทศบาลนครสวรรค์ 100% ร่วมกับศูนย์จิตปัญญาศึกษา เพื่อสร้างห้องเรียนแห่งความสุขและดูแลเด็กกลุ่มเสี่ยง
    • ส่งเสริมอาชีพ: พัฒนาการแพทย์แผนไทยและการเลี้ยงครั่ง/ชันโรงค์ ร่วมกับสมาคมคนพิการ เพื่อพัฒนาคนพิการให้เข้าเรียนหลักสูตร Non-Degree (บัณฑิตพันธุ์ใหม่)
    • Micro-credit: ร่วมกับโครงการพอแล้วดี ทำ Micro-credit ให้ผู้เข้าร่วมโครงการสามารถเก็บสะสมและนำมาเรียนต่อในหลักสูตรปริญญาโทได้
  • วิทยาเขตอำนาจเจริญ:
    • การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน: แก้ไขปัญหาไฟฟ้าและน้ำประปาในพื้นที่สร้างนกทา โดยประสานงานให้มีไฟฟ้า 3 เฟส และจัดหาน้ำประปาให้เพียงพอ
    • พลังงานสะอาด: จัดซื้อจัดจ้างโครงการโซลาร์เซลล์ทั้ง 2 พื้นที่ (สร้างนกทา 15 ล้านบาท, โนนามแท่ง 11 ล้านบาท) เพื่อเป็น Campus ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
    • Waste-Free Campus: พยายามเป็น Waste-Free Campus โดยบุคลากรริเริ่มไม่ใช้ถุงพลาสติกและลดขยะ
    • หลักสูตรใหม่: เปิดหลักสูตรปริญญาโทวิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต ชุมชนสุขภาวะและความยั่งยืน โดยความร่วมมือภายใน 4 หลักสูตรปริญญาตรี
    • ส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน: สนับสนุนโครงการผ้าทอพื้นเมืองลายตระขอสลับเอื้อ ช่วยออกแบบและหาตลาด ทำให้กลุ่มทอผ้ามีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจาก 800 บาท/เดือน เป็น 12,000 บาท/เดือน
    • ดูแลเด็กและผู้สูงอายุ: ร่วมกับสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว ดูแลเด็กที่ได้รับผลกระทบจากความรุนแรง และช่วยพัฒนา IQ เด็กในอำนาจเจริญให้ดีขึ้น ขยายศูนย์ดูแลกลางวันผู้สูงอายุให้ครบทั้ง 6 อำเภอ ทำให้ศูนย์สามารถอยู่ได้ด้วยกองทุนตัวเอง
    • ความร่วมมือระหว่างประเทศ: ขยายความร่วมมือกับ สปป.ลาว, Fuzhou University (จีน), และ University of California Davis (สหรัฐอเมริกา) โดยร่วมกับคณะเวชศาสตร์เขตร้อนในการทำวิจัยที่ Living Lab
    • โครงการฝึกงานออสเตรเลีย: ส่งนักศึกษาเกษตรศาสตร์ปี 4 ไปฝึกงานที่ออสเตรเลีย ซึ่งคาดว่านักศึกษาจะมีเงินติดตัวกลับบ้านประมาณ 300,000 บาท เพื่อกระตุ้นให้คนเห็นความสำคัญของหลักสูตรเกษตร
  • วิทยาเขตกาญจนบุรี (นำเสนอโดยอาจารย์ทัชวี)
    • Area-Based Sandbox: เป็น Sandbox ที่ดีสำหรับการพัฒนา Area Base
    • การศึกษา: พยายามดันความพร้อมของหลักสูตรให้ใกล้เคียงกับส่วนกลาง มีเอกชนและต่างชาติร่วมกับเกือบทุกหลักสูตรในการฝึกงาน และมีการศึกษาที่ลงพื้นที่จริง
    • สิ่งแวดล้อมและการจัดการ: ได้รับการรับรอง ISO 14001 ครอบคลุมทุกพันธกิจและพื้นที่ และต้องการ ISO 45001 เพื่อเป็น Eco และ Smart Campus ได้รับรางวัล Green Area และ Green Residence
    • ประสิทธิภาพการทำงาน: ร่วมมือกับกองคลังลดระยะเวลาการอนุมัติแผนจาก 6.6 วัน เหลือ 2 วัน 8 ชั่วโมง (ลด 77.8%) และลดเวลาการจัดซื้อจัดจ้างบวกการยืมเงินจาก 16.4 วัน เหลือ 9 วัน 20 ชั่วโมง (ลด 40%)
  • ท่านรองศาสตราจารย์ ดร. เภสัชกร กิ่งแก้ว อรรถเสนา (รองอธิการบดีฝ่ายสื่อสารองค์กร)
    • การสื่อสาร Real World Impact: เป็นผู้ที่สื่อสารแนวคิด Real World Impact ของมหาวิทยาลัยผ่านวิดีโอคลิปและการสื่อสารต่าง ๆ
    • Communication Synergy:
      • ภายใน: จัด Town Hall 5 ครั้งใน 365 วัน สำหรับบุคลากรและนักศึกษา
      • ภายนอก: ใช้กลยุทธ์ "One Message, One Voice, Many Channel" โดยจัด Press Conference สื่อสาร Real World Impact ซึ่งมียอดการมองเห็นถึง 64 ล้านครั้ง และช่อง MU Channel มียอดวิวบางโพสต์ถึง 1 ล้านวิว รวมถึงได้รับโล่ทอง MU Channel Kids
    • Digital Platform: เปิดแพลตฟอร์ม TikTok Mahidol University
    • Sustainable Brand: ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยต่าง ๆ (จุฬาฯ, ธรรมศาสตร์, เกษตรศาสตร์) ในโครงการต่าง ๆ ร่วมมือกับสื่อ (Thai PBS, The Standard) ในโครงการโทรทัศน์และระดมทุน
    • พัฒนาผลิตภัณฑ์และพันธมิตรทางธุรกิจ: ร่วมมือกับบริษัท T พัฒนา MU Fragrance (กลิ่นหอมประจำมหาวิทยาลัย) ร่วมมือกับ Stanley ผลิตกระบอกน้ำ และบริษัท Grace ช่วยกำจัดขยะในโครงการวิ่ง
    • World Class Reputation: วางแผนการทำงานกับ International Media Platform และ Faculty Synergy for International Reputation
    • ระดมทุน: ร่วมกับกองทุนมูลนิธิมหิดลเพื่อความยั่งยืน ระดมทุน 1,000 ล้านบาท เพื่อสร้างโรงงานยาที่มีชีวิต MU BiLance
    • แนวคิด "Driving" ในปีนี้ และ "Doing" ในปีหน้า เพื่อนำไปสู่ "Being" การเป็นผู้นำที่ยั่งยืนด้าน Real World Impact
  • ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. แพทย์หญิง นพเรณู ตั้งกฤษณาคม (รองอธิการบดีฝ่ายต่างประเทศ)
    • Medical Diplomacy และ Capacity Building: ดำเนินโครงการสร้างศักยภาพการรักษาพยาบาลในประเทศซามัว ตามคำร้องขอจากกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งเป็นการใช้การแพทย์เป็นช่องทางในการสร้างความสัมพันธ์ทางการทูต และเน้นการสร้างศักยภาพให้ประเทศนั้นพึ่งพาตนเองได้
    • Real World Impact ระดับโลก: มุ่งสร้างสุขภาวะที่ดีให้กับทั้งคนไทยและประชาคมโลก
    • ขยายโครงการ Capacity Building: มี 15 ส่วนงานที่เข้าร่วมโครงการแล้ว และมีนโยบายจะขยายเพิ่มอีก 16 โครงการ โดยได้ลงนามความร่วมมือกับกระทรวงการต่างประเทศแล้ว
    • การสร้างพันธมิตร: แนวทางคือการร่วมมือกับมูลนิธิมหิดล องค์กรต่างประเทศ และองค์กรภายในประเทศ เพื่อผลักดันโครงการเหล่านี้ให้เป็น Flagship ของประเทศ
    • มองว่าการสร้าง Real World Impact เป็นการเดินทางระยะยาวที่ทุกคนต้องร่วมกัน

การร่วมมือกันของท่านผู้ช่วยอธิการบดีและทีมงานทุกส่วนงาน ทำให้มหาวิทยาลัยมหิดลสามารถขับเคลื่อนนโยบายต่าง ๆ ได้สำเร็จตามเป้าหมาย Real World Impact ที่ตั้งไว้ค่ะ

การนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงและกระบวนการทำงานภายในมหาวิทยาลัยอย่างกว้างขวาง โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ สร้างผลกระทบเชิงบวกในโลกแห่งความเป็นจริง และยกระดับการดำเนินงานในทุกด้าน

ผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญจากการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ มีดังนี้:

  • การเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ:

    • มีการนำระบบ E-Document (E-doco) กลับมาใช้ใหม่พร้อมเพิ่มฟังก์ชัน E-signature ทำให้บุคลากรสามารถลงนามในเอกสารได้จากทุกที่ทุกเวลา ซึ่งช่วยให้การดำเนินงานเร็วขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะในงานด้านการเงินที่สามารถเซ็นเอกสารได้แบบ "Fast Food 24-hour" และลดขั้นตอนการทำงานลงหนึ่งชั้น
    • มีการพัฒนา ระบบจัดซื้อจัดจ้างแบบอัตโนมัติ ที่ทำให้ผู้เกี่ยวข้องสามารถตรวจสอบสถานะของงานได้ในระบบ เช่นเดียวกับที่วิทยาเขตกาญจนบุรี ที่สามารถลดระยะเวลาในการอนุมัติแผนงานได้ถึง 77.8% และลดระยะเวลาในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างได้ประมาณ 40%
    • มีการนำข้อมูลมาใช้ในการบริหารจัดการผ่าน HR Dashboard สำหรับการบริหารบุคลากร และการแปลงข้อมูลทางการเงินเป็น Dashboard เพื่อช่วยในการดูแลงบประมาณและกระแสเงินสดของหน่วยงาน
    • มีการทดลองใช้ ระบบตรวจจ่ายแบบใหม่ที่ใช้ AI เข้ามาช่วย
  • การยกระดับความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์:

    • มีการลงทุนในการจัดซื้อแอปพลิเคชันและซอฟต์แวร์ เช่น VMware, Adobe, Office, Google Workspace เพื่อเพิ่มฟังก์ชันการทำงานพร้อมทั้งประหยัดงบประมาณ
    • มีการปรับปรุง Cybersecurity โดยร่วมมือกับพันธมิตรในการพัฒนาการใช้ Web Application Firewall (WAF) และการย้ายเซิร์ฟเวอร์ไปยังระบบคลาวด์
    • มีการใช้ AI ในการตรวจจับและบล็อกพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม หรือการโจมตีก่อนที่จะเข้าสู่ระบบ รวมถึงการพัฒนาตัวระบบ "Wab" เพื่อให้มั่นใจว่าระบบเอกสารปลอดภัยยิ่งขึ้น
    • มีการดำเนินการ IT Visit ไปยังส่วนงานต่างๆ เพื่อช่วยตรวจสอบและแก้ไขปัญหาด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์
  • การพัฒนาด้าน AI และ Blockchain:

    • มีการจัดซื้อโมเดล AI ที่สำคัญอย่าง GMIN Pro 2.5 และกำลังจะนำ GPT-4 มาใช้ฟรีสำหรับบุคลากร 60,000 คน ผ่านโครงการ MU Sandbox และ Marvis เพื่อสนับสนุนการศึกษา การวิจัย และการบริการ
    • มีการส่งเสริมการนำ Agentic AI มาใช้ในการทำงานเพื่อเพิ่มระบบอัตโนมัติ
    • มีการนำ Blockchain มาใช้ในการทดลองแชร์ประวัติผู้ป่วยของบุคลากร 60,000 คน ใน 10 โรงพยาบาลของมหาวิทยาลัย ทำให้สามารถเข้าถึงข้อมูลยาและ X-ray ผ่านมือถือได้
    • มีแผนที่จะพัฒนาการเข้าถึง Digital Transcript ของนักศึกษาผ่าน Blockchain เช่นกัน
    • มีการพัฒนา Buddy ซึ่งเป็น AI ที่ช่วยตอบคำถามเกี่ยวกับการศึกษา และ Find Me ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยให้นักเรียนมัธยมเลือกคณะที่เหมาะสม
  • การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานและยานพาหนะ:

    • มีการนำ รถบัสไฟฟ้า จำนวน 15 คัน มาใช้แทนรถราง พร้อมแอปพลิเคชันติดตามรถ และมีรถ Shuttle Bus ไฟฟ้าที่วิ่งระหว่างวิทยาเขตเดิมเพื่อการเดินทางที่สะอาดและทันสมัยขึ้น
    • มีบริการ จักรยาน Anywheel 620 คัน ที่สามารถเรียกใช้ผ่านแอปพลิเคชัน โดยมีผู้ใช้งานสูงถึง 2,000 คนต่อวันในช่วงเปิดเทอม
    • มีการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานและทางเท้าทั่วบริเวณมหาวิทยาลัย เพื่อส่งเสริมการเดิน
    • มีการใช้ กล้อง AI Camera ในการอ่านป้ายทะเบียนรถและตรวจจับการสวมหมวกกันน็อกที่ทางเข้าออกทุกจุด เพื่อช่วยในการบริหารจัดการการจราจรและความปลอดภัย
    • มีการเตรียมการสำหรับโครงการ Mobile Stroke Unit Center of Excellence ซึ่งเป็นศูนย์ซ่อมบำรุงและวิจัยรถฉุกเฉินสำหรับผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง
  • การสนับสนุนงานวิจัยและพัฒนาวิชาการ:

    • มีการขยายขนาดของ Mlex Portal สำหรับโปรไฟล์นักวิจัย ทำให้มีผู้ใช้เพิ่มขึ้น 7.5 เท่าใน 1 ปี
    • มีการเชื่อมโยง ฐานข้อมูลงานวิจัยของมหาวิทยาลัยเข้ากับฐานข้อมูลนานาชาติ (NRIS) ซึ่งเป็นความสำเร็จที่มหิดลเป็นหนึ่งในสองแห่งของโลกที่ทำได้
    • มีการนำความรู้ใส่ลงใน MU Sandbox เพื่อให้มีที่ปรึกษาเฉพาะบุคคลที่ช่วยให้นักวิจัยสามารถทำงานวิจัยได้อย่างถูกต้องตามข้อกำหนด
    • มีการปรับปรุงกระบวนการบริหารจัดการทุนวิจัยให้เป็น One Stop Portal ทำให้การดำเนินการเร็วขึ้นเกือบเท่าตัว และลดเวลาในการตรวจสอบสัญญา CTA และ MTA ลงครึ่งหนึ่ง
    • มีการนำ Virtual Account มาทดลองใช้เพื่อช่วยให้นักวิจัยสามารถเบิกจ่ายทุนวิจัยงวดแรกได้เร็วขึ้น
    • มีการพัฒนา ระบบแพลตฟอร์มสารสนเทศสำหรับการขอตำแหน่งวิชาการ ที่ช่วยในการ self-submit, auto-format, tracking และแจ้งเตือน ซึ่งจะเริ่มใช้งานได้ในต้นเดือนกันยายน
  • การพลิกโฉมการศึกษา:

    • มีการขับเคลื่อน ศูนย์ Genet (ศึกษาทั่วไปและทักษะข้ามสายงาน) ซึ่งเป็นศูนย์ความเป็นเลิศของกระทรวง อว. ที่มหาวิทยาลัยเป็นผู้นำ
    • มีการร่วมมือกับมหาวิทยาลัยอื่น ๆ เช่น เกษตรศาสตร์, จุฬาลงกรณ์, ธรรมศาสตร์ ในการลงทะเบียนรายวิชา General Education ข้ามสถาบัน และการมีหลักสูตรร่วมกัน
    • มีการพัฒนาแพลตฟอร์ม Mahidol University Extension (MUE) และ MU Authentic Life Long Learning (MUAL) เพื่อกระจายความรู้และเชื่อมต่อกับส่วนงานต่างๆ
    • มีการนำแนวคิด General Education Plus (GE Plus) ที่สามารถนำประสบการณ์มาคิดเป็นหน่วยกิตได้
    • มีการพัฒนาระบบ คลังหน่วยกิต (Credit Bank) เพื่อให้นักศึกษาสามารถเก็บ Micro-credentials ได้
    • มีการมุ่งเน้นหลักสูตร Corporate and Work Integrated Education (CWIE) ที่ส่งนักศึกษาไปทำงานจริงในสถานประกอบการ และมีแผนที่จะมี Skill Transcript เพื่อแสดงความสามารถของนักศึกษาให้ผู้ประกอบการทราบ
    • มีการส่งเสริมการเรียนรู้ ทักษะแห่งอนาคต เช่น AI, SDG และ Digital สำหรับทั้งอาจารย์และนักศึกษา
  • การเชื่อมโยงกับชุมชนและนักศึกษา:

    • มีการพัฒนา แอปพลิเคชัน Mahidol (Vidon Application) เพื่อเชื่อมต่อบริการและสิทธิประโยชน์ต่างๆ สำหรับนักศึกษาและบุคลากร เช่น การตรวจสุขภาพ การรับส่วนลด และการฝึกอบรม CPR
    • วิทยาเขตต่าง ๆ เช่น วิทยาเขตอำนาจเจริญ ได้นำเทคโนโลยีและแนวคิดด้านสิ่งแวดล้อมมาใช้ เช่น Waste Free Campus และการติดตั้ง โซลาร์เซลล์ เพื่อเป็น Eco Campus

การนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเหล่านี้มาใช้ เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ Digital Transformation และ Amplifying Operation ที่มุ่งทำให้การบริหารจัดการและภารกิจหลักของมหาวิทยาลัยรวดเร็วขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น และสร้างผลกระทบในโลกแห่งความเป็นจริงตามวิสัยทัศน์ที่กำหนดไว้.

----

เอกสารสรุป: การขับเคลื่อน Mahidol University สู่ Real World Impact ใน 365 วัน

การบรรยายสรุปนี้รวบรวมประเด็นหลักและความสำเร็จที่สำคัญของ Mahidol University (MU) ในช่วง 365 วันที่ผ่านมา โดยเน้นย้ำถึงวิสัยทัศน์ "Real World Impact" ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของมหาวิทยาลัย การนำเสนอแบ่งออกเป็นสามกลุ่มกลยุทธ์หลัก ได้แก่ Amplifying Operations (A3), Core Missions (A1, A2, A4, A5), และ Global Partnership & Area Base (A6, Branding & Communications) โดยแต่ละกลุ่มมีผู้นำเป็นรองอธิการบดีที่เกี่ยวข้อง

1. Amplifying Operations (A3): การเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงาน

กลุ่มนี้มุ่งเน้นการปรับปรุงกระบวนการและโครงสร้างพื้นฐานเพื่อให้การดำเนินงานรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

  • สารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ (e-document) และ e-signature: การนำ e-document กลับมาใช้ใหม่พร้อมเพิ่มฟังก์ชัน e-signature ทำให้สามารถเซ็นงานได้ทุกที่ทุกเวลา ช่วยลดเวลาและเพิ่มความสะดวกสบายในการทำงานอย่างมาก
  • "ทุกท่านจะอยู่ที่ไหนก็ตาม เวลาใดก็ ตาม ก็สามารถที่จะเซ็นงานได้"
  • งานพัสดุจะ "เร็วขึ้นเพราะอาจารย์เซ็นเร็วขึ้น"
  • การปรับปรุงโรงงานผลิตยา (MU BiL): โครงการปรับปรุงโรงงานผลิตยาที่ใช้วงเงินประมาณ 2,000 ล้านบาท โดยได้รับการสนับสนุนจากงบประมาณแผ่นดินและภาคเอกชน (Siam Bioscience, BDMS Group, Bangkok Bank) เพื่อรองรับงานวิจัยและการผลิตยาชีววัตถุ
  • "ภายใน 18 เดือน เนี่ย เราจะสามารถผลิตเวกเตอร์ที่ใช้ในการทำ ATMP ได้ในโรงงานของเราเอง"
  • สวัสดิการและ Well-being บุคลากร:
  • การฉีดวัคซีน: บุคลากรลงทะเบียนฉีดวัคซีนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 2,600 คน
  • สิทธิสำหรับผู้เกษียณ: สามารถเลือกสิทธิ์ 30 บาท กับโรงพยาบาลรามาธิบดี หรือศิริราชได้
  • ประกันสุขภาพ: ทางเลือกประกันสุขภาพกับโรงพยาบาลรามาธิบดี หรือศิริราช
  • ส่วนลดค่าเทอมบุตรหลาน: MUIC และสาธิตนานาชาติ ลดค่าเทอม 50% คิดเป็นมูลค่า 1 ล้านบาท
  • นโยบายสมรสเท่าเทียม: ปรับระเบียบข้อบังคับให้สอดคล้องกับสมรสเท่าเทียม เพื่อให้คู่สมรสทุกรูปแบบได้รับสวัสดิการของมหาวิทยาลัย
  • HR Dashboard: สร้างแดชบอร์ดข้อมูล HR เพื่อช่วยผู้บริหารในการบริหารจัดการบุคลากรอย่างมีประสิทธิภาพ
  • ระบบกายภาพและสิ่งแวดล้อม:
  • ยานพาหนะพลังงานสะอาด: รถบัสไฟฟ้า 15 คัน และรถ Shuttle bus ไฟฟ้า เริ่มให้บริการ 1 กันยายนนี้ สามารถติดตามได้ผ่านแอปพลิเคชัน
  • จักรยาน Anywheel: มีจักรยาน 620 คัน ให้บริการตั้งแต่เดือนธันวาคม มีผู้ใช้งานเฉลี่ย 2,000 เที่ยวต่อวันในช่วงเปิดเทอม
  • ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน: ปรับปรุงพื้นที่ Innovation Wall และทางเดินรอบมหาวิทยาลัย รวมถึงการสร้างทางเดินมีหลังคาเพื่อส่งเสริมการเดิน
  • การเชื่อมต่อกับสถานีรถไฟฟ้าศาลายา: เตรียมก่อสร้างทางเดินเท้าและทางจักรยานขนาด 5 เมตร เชื่อมต่อกับสถานีรถไฟฟ้าศาลายา (คาดเสร็จปี 2572) พร้อมสะพานข้ามไปยังสาธิตนานาชาติ
  • เปิดทางเข้าออกใหม่ทิศตะวันตก: เจ้าของที่ดินบริจาค 3 ไร่ เพื่อเชื่อมต่อกับถนนด้านทิศตะวันตก และเป็นที่ตั้งของศูนย์ Mobile Stroke Unit
  • AI Camera: ติดตั้งกล้อง AI ตรวจจับป้ายทะเบียนรถและหมวกกันน็อคที่ทางเข้า-ออกทุกจุด
  • การจัดการขยะ: ลดขยะในกิจกรรมต่างๆ และปรับปรุงการบริหารจัดการแสงสว่างและการจราจร
  • Digital Transformation (IT):
  • ประหยัดงบประมาณซอฟต์แวร์: จัดซื้อซอฟต์แวร์ (VMware, Adobe, Office, Google Workspace) ช่วยประหยัด 265 ล้านบาทใน 3 ปี
  • Cybersecurity: พัฒนาระบบรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ เช่น การย้ายเซิร์ฟเวอร์ไปยังคลาวด์ การใช้ WAF เพื่อป้องกันการโจมตี และระบบตรวจสอบพฤติกรรมผิดปกติโดย AI
  • AI Development (MU Sandbox & Marvis): จัดซื้อโมเดล AI สำคัญอย่าง GMIN Pro 2.5 และเตรียมพร้อมสำหรับ GPT-4 ให้ใช้งานฟรีสำหรับ 60,000 คน มุ่งพัฒนาให้ฉลาดขึ้นภายในเดือนกันยายนเพื่อรองรับการศึกษา วิจัย และบริการ
  • Agentic AI: ส่งเสริมการนำ Agentic AI มาใช้เพื่อเพิ่มระบบ Automation ในการทำงาน
  • Blockchain: Proof of Concept ที่ศิริราชในการแชร์ประวัติผู้ป่วย (60,000 คน) และเตรียมพัฒนาการเข้าถึง Digital Transcript ของนักศึกษาผ่าน Blockchain
  • Telehealth: ร่วมมือกับโรงพยาบาลเพื่อพัฒนา Telehealth (การแพทย์ทางไกล)
  • การเงินและการคลัง:
  • ลดขั้นตอนการเซ็นงาน: เปลี่ยนจากการเซ็นเอกสารแบบเดิมเป็นการเซ็นงานแบบ 24 ชั่วโมงผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์
  • Automation งานพัสดุ: พัฒนาระบบติดตามสถานะงานจัดซื้อจัดจ้างแบบอัตโนมัติ
  • Dashboard ข้อมูลการเงิน: แปลงข้อมูลการเงินเป็น Dashboard เพื่อให้ทุกหน่วยงานสามารถดูงบประมาณและกระแสเงินสดของตนเองได้
  • AI ช่วยในการตรวจสอบการจ่ายเงิน: เริ่มใช้ AI ช่วยตรวจสอบการจ่ายเงินในวิทยาเขตกาญจนบุรี และจะขยายผลต่อไป
  • ปรับปรุงระเบียบงานวิจัย: ออกประกาศใหม่เพื่อความรวดเร็วในการเบิกจ่ายงบวิจัย

2. Core Missions (A1, A2, A4, A5): พันธกิจหลัก

กลุ่มนี้เน้นการเสริมสร้างความเข้มแข็งในด้านการวิจัย การศึกษา วิชาการ และกิจการนักศึกษา

  • การวิจัย (Synergy Research - A1):
  • Mlex Portal: ขยาย Mlex Portal เพื่อให้นักวิจัยอัปโหลดโปรไฟล์ได้ง่ายขึ้น เพิ่มขึ้น 7.5 เท่าใน 1 ปี
  • เชื่อมต่อฐานข้อมูล NRIS: เป็น 1 ใน 2 แห่งของโลกที่เชื่อมต่อฐานข้อมูลวิจัยเข้ากับฐานข้อมูลนานาชาติ NRIS ได้สำเร็จ
  • Synergy Platform กับ สวทช.: นักวิจัยสามารถใช้เครื่องมือและโครงสร้างพื้นฐานของ สวทช. ได้
  • เป็นผู้นำด้านการวิจัย: เป็นเจ้าภาพการประชุมรันซัม ซึ่งเป็นเวทีของมหาวิทยาลัยวิจัยทั้งหมดในประเทศไทย
  • รางวัล จงเจต เมีวิทย: 71 ผลงานวิจัยส่งเข้าประกวด แสดงถึงคุณภาพงานวิจัยที่เพิ่มขึ้น
  • MU Top 100 Researcher: สร้างการยอมรับและสนับสนุนนักวิจัยชั้นนำ รวมถึงคณาจารย์สายสังคมศาสตร์
  • Quality Research: คุณภาพผลงานตีพิมพ์เพิ่มขึ้นจาก 61% เป็น 67%
  • อันดับผลงานตีพิมพ์: มหาวิทยาลัยขึ้นเป็นอันดับ 1 (ร่วม) ในปีนี้
  • MU Sandbox: นำองค์ความรู้เข้าสู่ MU Sandbox เพื่อให้มี Personalized Consultant ช่วยในงานวิจัยให้สอดคล้องกับข้อกำหนด
  • สนับสนุนทุน Cluster: สนับสนุนทุนวิจัยที่ส่งเสริมการทำงานร่วมกัน
  • MU Holding: จัดตั้ง MU Holding เป็นอีกหนึ่งหลักชัยของมหาวิทยาลัย
  • Centralized Portal สำหรับทุนวิจัย: ทำให้การบริหารจัดการทุนวิจัยเร็วขึ้นเกือบเท่าตัว
  • Virtual Account: ทดลองระบบ Virtual Account ที่จะทำให้การเบิกจ่ายทุนวิจัยรวดเร็วขึ้น
  • การศึกษา (Empowering Learners - A2):
  • National Level: เป็นผู้นำในการขับเคลื่อนศูนย์ GenEd (การศึกษาทั่วไปและทักษะข้ามสายงาน) ซึ่งมีท่านอธิการเป็นประธาน เพื่อพัฒนาหลักสูตร GenEd ร่วมกับองค์กรภายนอก (Microsoft, SCB, Bank of Thailand)
  • ความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัย: สามารถลงทะเบียนรายวิชา GenEd ข้ามสถาบันกับเกษตรศาสตร์และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
  • หลักสูตรร่วมกับธรรมศาสตร์: หลักสูตร 2+2 (วิทยาศาสตร์บัณฑิตคู่กับศิลปศาสตร์บัณฑิตด้าน SDG) จะรับนักศึกษาปีแรกในปีหน้า
  • แพลตฟอร์มการเรียนรู้: MU Extension และ M All (Authentic Life Long Learning) เป็นแพลตฟอร์มที่รวบรวมการเรียนรู้ต่างๆ และเชื่อมต่อกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่
  • General Education Plus (GE Plus): ออกแบบบทเรียน GE Plus ที่สามารถนำประสบการณ์ต่างๆ มาคิดเป็นหน่วยกิตได้ เพื่อ Empowering Learners
  • การพัฒนาอาจารย์ (MU PSF): ผลักดันระบบ MU PSF (เทียบเท่า UKPSF) ระดับ 2, 3, 4 โดยมีมหาวิทยาลัยพยาบาลศาสตร์และกายภาพบำบัดเป็นส่วนงานที่มีสัดส่วนอาจารย์ PSF สูงสุด
  • ระบบคลังหน่วยกิต (Microcredential): พัฒนาระบบคลังหน่วยกิตเพื่อให้นักศึกษาสามารถเก็บ Microcredential ได้
  • Corporate & Work Integrated Education (CV): หลักสูตรปริญญาตรีในอนาคตจะเน้นการทำงานจริงในสถานประกอบการ
  • Skill Transcript: พัฒนา Skill Transcript เพิ่มเติมจาก Academic Transcript เพื่อให้ผู้ประกอบการเห็นความสามารถของนักศึกษา
  • ทักษะแห่งอนาคต: มุ่งเน้นการเรียนรู้ AI, SDG, และ Digital Skills
  • Buddy (AI Assistant): AI ช่วยตอบคำถามด้านการศึกษาสำหรับนักศึกษา
  • Find Me (Platform): แพลตฟอร์มช่วยนักเรียนมัธยมในการเลือกคณะและหลักสูตรที่เหมาะสม
  • Future Ready Education & Miracle Project: นโยบายสำคัญด้านการศึกษาที่ใช้ AI เข้ามาช่วย
  • Senior Fellow UKPSF: มหาวิทยาลัยมี Senior Fellow UKPSF มากที่สุดในประเทศไทย (144 คน)
  • การขอตำแหน่งทางวิชาการและการเขียนตำรา (Academic):
  • การขอตำแหน่งทางวิชาการ: มีผู้ยื่นขอ 257 ราย โดย 73% ของเอกสารได้รับการกลั่นกรองแล้ว ซึ่งถือว่ารวดเร็วขึ้นมาก
  • ระบบสารสนเทศใหม่: พัฒนาระบบแพลตฟอร์มใหม่ที่ช่วยในการยื่นขอตำแหน่งทางวิชาการ (Self-submit, Auto-format, Tracking) คาดว่าจะเริ่มใช้งานต้นเดือนกันยายน
  • สายสนับสนุน: สายสนับสนุนยื่นขอตำแหน่ง 289 ราย ได้รับอนุมัติ 55 ราย
  • Mahidol eJournal: ปรับระดับจาก Tier 2 เป็น Tier 1 เพิ่มจำนวนงานตีพิมพ์ต่อฉบับเป็น 14 งาน
  • MU Press: สนับสนุนบุคลากรให้ใช้บริการสำนักพิมพ์ MU Press มากขึ้น
  • กิจการนักศึกษา:
  • Open House: มีผู้ลงทะเบียนเกือบ 40,000 คน คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานเกือบ 50,000 คน
  • Well-being นักศึกษา: จัดกิจกรรมเชิงรุกเพื่อดูแลสุขภาพใจของนักศึกษา เช่น "ฮิวใจ Festival"
  • ทุนการศึกษา: จัดหาทุนการศึกษาจากภายในและภายนอก (Hatari, TOA) รวมกว่า 40 ล้านบาทต่อปี
  • Job Fair: จัด Job Fair เพื่อช่วยศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบันในการหางาน
  • ห้องฝึก CPR: เปิดห้องฝึก CPR พร้อมหุ่นและเครื่อง AED ให้บุคลากรและนักศึกษาสามารถฝึกได้
  • V-Mahidol Application: แอปพลิเคชันเชื่อมโยงบริการและสิทธิประโยชน์สำหรับนักศึกษาและบุคลากร (เช่น ส่วนลดสวนสยาม, Line Man)
  • Activity Transcript: คณะเภสัชศาสตร์และสัตวแพทย์ศาสตร์มีนักศึกษาที่ทำกิจกรรมตามกำหนดได้ 100%
  • Alumni Engagement: คณะเภสัชศาสตร์และสัตวแพทย์ศาสตร์สามารถติดต่อศิษย์เก่าและสร้าง Engagement ได้สูงกว่า 30%

3. Global Partnership (A6) & Area-based Development & Branding (A7): ความร่วมมือระดับโลกและการพัฒนาพื้นที่

กลุ่มนี้เน้นการขยายขีดความสามารถของมหาวิทยาลัยสู่ระดับโลกและพัฒนาพื้นที่วิทยาเขตต่างๆ

  • คุณภาพและ Real World Impact (Quality and Policy & Planning):
  • การพัฒนาคุณภาพ (Spex): มหาวิทยาลัยใช้ Spex มา 15 ปี มีหน่วยงานได้รับรางวัล TQC/TQC Plus 18 รางวัล (ปีที่ผ่านมา 4 รางวัล: ทันตะ, พยาบาล, เภสัช, IFS รามา)
  • International Accreditation: 83 หลักสูตร จาก 22 คณะ/วิทยาลัย/สถาบัน ได้รับการรับรองคุณภาพระดับนานาชาติ
  • ยุทธศาสตร์บริการวิชาการ: มุ่งเน้นการแก้ปัญหา (Problem Solving), สร้างความตระหนัก (Raise Awareness), เปลี่ยนพฤติกรรม (Behavioral Change), และเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบาย (Policy Change)
  • Policy Lab Funding, Social Engagement Funding, SDG Living Lab Funding: สนับสนุนทุนวิจัยที่นำไปสู่ผลกระทบทางสังคม เช่น โครงการลดขยะอาหาร (คณะสาธารณสุขศาสตร์)
  • Mahidol Change Agent: โครงการที่มุ่งสร้าง Change Agent ทั่วทั้งมหาวิทยาลัยเพื่อขับเคลื่อน Real World Impact
  • ความร่วมมือกับจุฬาฯ, เกษตรฯ, ธรรมศาสตร์: เปลี่ยนคู่แข่งเป็นผู้ร่วมงานในการทำโครงการ SDG และกิจกรรมต่างๆ (เช่น Sustainability Fest, UMU Battle)
  • งานวิจัยด้านคติชนวิทยาที่น่าน: โครงการที่สนองพระราชดำริสมเด็จพระเทพฯ และจะพัฒนาเป็นวิชา GenEd "น่านศึกษา"
  • วิทยาเขตนครสวรรค์:
  • พันธกิจ: มุ่งเน้นการแพทย์, สาธารณสุข, การเกษตร, สิ่งแวดล้อม, และความมั่นคงทางอาหารในพื้นที่เหนือล่าง กลางบน
  • วิจัย: พัฒนาพื้นที่บึงบอระเพ็ด (บึงน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในไทย) ในด้านเศรษฐกิจฐานราก, การเกษตรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม, การจัดการทรัพยากรน้ำ
  • การศึกษา: โครงการร่วมมือกับเทศบาลนครสวรรค์เพื่อดูแลโรงเรียนเทศบาล 100% โดยนำกระบวนการจิตปัญญาศึกษามาใช้
  • Non-degree courses: หลักสูตรพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการเลี้ยงครั่ง/ชันโรง โดยร่วมมือกับสมาคมคนพิการ
  • Microcredit: ร่วมมือกับโครงการพอแล้วดีเพื่อให้นักศึกษาเก็บ Microcredit และเรียนต่อในหลักสูตรปริญญาโท
  • วิทยาเขตอำนาจเจริญ:
  • โครงสร้างพื้นฐาน: ประสานงานเพื่อติดตั้งไฟฟ้า 3 เฟส และแก้ไขปัญหาน้ำประปาในพื้นที่สร้างนกทา
  • Clean Energy: จัดซื้อจัดจ้างโครงการโซลาร์เซลล์สำหรับสองพื้นที่ (มูลค่า 15 และ 11 ล้านบาท) เพื่อเป็น Green Campus
  • Waste-Free Campus: รณรงค์ให้เป็น Waste-Free Campus โดยเริ่มจากการลดการใช้ถุงพลาสติกและการสร้างขยะ
  • หลักสูตรใหม่: เปิดหลักสูตรปริญญาโท "วิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต ชุมชนสุขภาวะและความยั่งยืน" โดยความร่วมมือจาก 4 หลักสูตรปริญญาตรี (รับนักศึกษา 32 คน โดย 80% ต้องจบภายใน 1 ปี)
  • ส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน: โครงการส่งเสริมผ้าทอมือ "ผ้าลายตะกอ สลับเอื้อ" ช่วยเพิ่มรายได้ให้ชุมชนจาก 800 บาท/เดือน เป็น 12,000 บาท/เดือน
  • พัฒนาเด็ก: ร่วมมือกับสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว ดูแลเด็กที่ได้รับผลกระทบจากความรุนแรงและพัฒนา IQ เด็กในจังหวัด (ซึ่งเคยมี IQ ต่ำที่สุดในประเทศ)
  • ดูแลผู้สูงอายุ: ขยายศูนย์ดูแลกลางวันผู้สูงอายุให้ครอบคลุม 6 อำเภอ และสร้างกองทุนให้ศูนย์สามารถพึ่งพาตนเองได้
  • ความร่วมมือระหว่างประเทศ: ขยายความร่วมมือกับ สปป.ลาว, Fuzhou University China, และ University of California Davis (ร่วมวิจัยใน Living Lab ที่อำนาจเจริญ)
  • ฝึกงานต่างประเทศ: ส่งนักศึกษาเกษตรศาสตร์ไปฝึกงานที่ออสเตรเลีย โดยคาดว่านักศึกษาจะได้รับค่าตอบแทนประมาณ 300,000 บาท
  • เป้าหมาย: "World Class Campus" และ "Campus of Choice" ภายใต้ Mahidol DNA
  • วิทยาเขตกาญจนบุรี:
  • Area-based Development: เตรียมเป็นจังหวัดแห่งภาพยนตร์ โดยมีการจัดทำ Popcorn แกงป่า และโครงการเกี่ยวกับผี (อวดเมือง)
  • หลักสูตร: หลักสูตรมีความพร้อมใกล้เคียงส่วนกลาง โดยมีเอกชนร่วมฝึกงานในทุกหลักสูตร และต่างชาติร่วมใน 7 ใน 8 หลักสูตร
  • Real World Impact: เน้นการลงพื้นที่จริงกับชุมชน มี Inbound กว่า 200 ราย เพิ่มการมีส่วนร่วมของนักศึกษา
  • สิ่งแวดล้อมและการจัดการ: ได้รับ ISO 14,001 ครอบคลุมทุกพันธกิจและพื้นที่วิทยาเขต และมุ่งสู่ ISO 45,000 (Eco และ Smart Campus)
  • ลดเวลาในการดำเนินงาน: ลดเวลาขออนุมัติแผนจาก 6.6 วัน เหลือ 2 วัน 8 ชั่วโมง (77.8%) และลดเวลาจัดซื้อจัดจ้าง/ยืมเงินจาก 16.4 วัน เหลือ 9 วัน 20 ชั่วโมง (40%)
  • Brand & Corporate Communication (A7):
  • สื่อสารองค์กร: ไม่ใช่แค่การทำ PR แต่เป็นการสร้างภาพลักษณ์และคุณค่าของมหาวิทยาลัย Mahidol
  • Communication Synergy:
  • ภายใน: จัด Town Hall สำหรับบุคลากรและนักศึกษา (5 ครั้งใน 365 วัน)
  • ภายนอก: One Message, One Voice, Many Channels (Press Conference สื่อสาร Real World Impact มียอดมองเห็น 64 ล้านครั้ง)
  • MU Channel: ได้รับโล่ทอง MU Channel Kids และบางโพสต์มียอดวิวถึง 1 ล้านครั้ง
  • Digital Platform: เปิดแพลตฟอร์ม TikTok ของ Mahidol University
  • Sustainable Brand:
  • พันธมิตรกับมหาวิทยาลัยอื่น: ร่วมมือกับจุฬาฯ (Sustainability Fest), ธรรมศาสตร์ (หลักสูตรร่วม), ม.เกษตร (เกษตรแฟร์ @ ศาลายา)
  • Media Partner: โครงการโทรทัศน์ร่วมกับ Thai PBS, ระดมทุนร่วมกับ The Standard
  • Business Partner: ร่วมมือกับ T (พัฒนา MU Fragrance), Stanley (ผลิตกระบอกน้ำ), Greys (จัดการขยะในโครงการวิ่ง)
  • World Class Reputation: มุ่งสู่ International Media Platform และ Faculty Synergy for International Reputation
  • ระดมทุน 1,000 ล้านบาท: ร่วมกับมูลนิธิ Mahidol เพื่อความยั่งยืน เพื่อสร้างโรงงานยาที่มีชีวิต (MU BiL)
  • วิสัยทัศน์: จาก "Driving" (ปีนี้) สู่ "Doing" (ปีหน้า) และ "Being" (ผู้นำที่ได้รับการยอมรับและยั่งยืนสำหรับ Real World Impact)
  • Global Partnership:
  • Medical Diplomacy: สร้างศักยภาพในการรักษาพยาบาลในประเทศต่างๆ เพื่อให้พึ่งพาตนเองได้ (Capacity Building)
  • Samoa Project: ตัวอย่างโครงการช่วยเหลือประเทศหมู่เกาะเล็กๆ เพื่อสร้างสุขภาวะที่ดี
  • ความร่วมมือกับกระทรวงการต่างประเทศ: ลงนามความร่วมมือ 16 โครงการเพิ่มเติมใน 3 ปีข้างหน้า
  • แนวทางการระดมทุน: มูลนิธิ Mahidol, องค์กรต่างประเทศ, และองค์กรภายในประเทศร่วมกันผลักดันโครงการเพื่อเป็น Flagship ของประเทศ
  • ไม่จำกัดสถานที่: "เราไม่ ต้อง ถาม ว่า ต้อง ทำ ที่ไหน สิ่ง ที่ สำคัญ คือ เรา ทำ ได้ แล้ว เรา ได้ ทำ นั่น คือ หัวใจ ทั้งหมด ของ การ เป็น มหิดล"
  • การเดินทางร่วมกัน: งาน Capacity Building เป็น Long Shot, Long Term Journey ที่ต้องการการมีส่วนร่วมจากบุคลากรและนักศึกษาทุกคน

สรุปโดยรวม

Mahidol University ได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าในการสร้าง "Real World Impact" ตลอด 365 วันที่ผ่านมา โดยผ่านการดำเนินงานอย่างมีกลยุทธ์ในทุกมิติ ทั้งการยกระดับประสิทธิภาพการบริหารจัดการด้วย Digital Transformation, การเสริมสร้างความเป็นเลิศในพันธกิจหลักด้านวิจัยและการศึกษา, การดูแลบุคลากรและนักศึกษาอย่างรอบด้าน, และการขยายบทบาทในเวทีระดับโลกผ่านความร่วมมือและการพัฒนาพื้นที่ การทำงานร่วมกันภายในและภายนอกองค์กรเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้มหาวิทยาลัยสามารถก้าวข้ามความท้าทายและสร้างผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมได้อย่างน่าประทับใจ ด้วยวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนและทีมงานที่แข็งแกร่ง มหาวิทยาลัย Mahidol พร้อมที่จะก้าวไปสู่การเป็น "World Class University" ที่สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมในระดับประเทศและนานาชาติต่อไป


ไทม์ไลน์เหตุการณ์สำคัญ

  • ธันวาคม (ก่อน 365 วันที่ผ่านมา):
  • จักรยาน Anywheel จำนวน 620 คัน เริ่มให้บริการผ่านแอปพลิเคชัน Anywheel.
  • เมษายน (ประมาณ 4 เดือนที่แล้ว):
  • ระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ (e-document) พร้อมฟังก์ชัน e-signature เริ่มกลับมาใช้งานอีกครั้ง.
  • 10 กรกฎาคม 2567:
  • Town Hall ครั้งแรกจัดขึ้น (สำหรับบุคลากรภายใน).
  • ในช่วง 365 วันที่ผ่านมา (ไม่มีระบุวันที่เฉพาะเจาะจง):
  • ภาพรวม: มหาวิทยาลัยมหิดลขับเคลื่อนโครงการ "365 Miles On – Driving to Real World Impact" เพื่อสร้างผลกระทบในโลกแห่งความเป็นจริง โดยความร่วมมือจากทุกส่วนงาน คณะ และสถาบัน. มีการเปรียบเทียบการทำงานเป็น "เกม" ที่ต้องสะสมพลังและมี "เลเวล".
  • การบริหารจัดการ (กลุ่ม A3 Amplifying Operation):ด้านธุรการและโครงสร้าง:การนำระบบ e-document และ e-signature กลับมาใช้ใหม่.
  • เริ่มต้นการออกแบบโรงงานผลิตยาที่มีชีวิต (MU BiL) ด้วยงบ 23 ล้านบาท (เงินบริจาคจากมูลนิธิมหาวิทยาลัยมหิดล).
  • พัฒนาปรับปรุง Innovation Wall, ทางเดินเท้ามีหลังคา, ทางเดินเชื่อมคณะ.
  • ปรับปรุงโครงข่ายทางเดินและสิ่งอำนวยความสะดวกในมหาวิทยาลัย.
  • เปิดทางเข้า-ออกด้านหน้ามหาวิทยาลัยเชื่อมสถานีรถไฟฟ้าศาลายา (คาดการณ์สร้างเสร็จปี 2572).
  • โครงการก่อสร้างทางเดินเท้า/จักรยาน 5 เมตร ไปสถานีรถไฟฟ้าศาลายาพร้อมสะพานเชื่อมสาธิตนานาชาติ.
  • ได้รับบริจาคที่ดิน 3 ไร่ทางทิศตะวันตกสำหรับทางเข้า-ออกใหม่และ Mobile Stroke Unit.
  • ติดตั้ง AI Camera อ่านป้ายทะเบียนและตรวจจับหมวกกันน็อคที่ทางเข้า-ออก.
  • ปรับปรุงการจัดการแสงสว่าง, ขยะ, การจราจร, และการจัดกิจกรรม/งานรับปริญญา.
  • ด้านบุคคล (HR):นโยบาย Well-being เป็นนโยบายหลัก.
  • โครงการฉีดวัคซีนบุคลากร (ลงทะเบียน 2,600 คน ในวันที่ 29-30).
  • ผู้เกษียณสามารถเลือกสิทธิ์ 30 บาท กับ รพ.รามาธิบดี หรือ รพ.ศิริราช.
  • มีประกันสุขภาพที่เลือก รพ.รามาธิบดี หรือ รพ.ศิริราช ได้.
  • MUIC และสาธิตนานาชาติ ให้ส่วนลดค่าเทอมบุตรหลานบุคลากร 50% (มูลค่า 1 ล้านบาท).
  • ปรับระเบียบและข้อบังคับให้สอดคล้องกับ "สมรสเท่าเทียม" (คู่สมรสได้รับสวัสดิการมหาวิทยาลัย).
  • มีการลาเพื่อดูแลครอบครัวในระยะสุดท้าย.
  • จัดทำ HR Dashboard สำหรับผู้บริหาร.
  • ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT):จัดซื้อซอฟต์แวร์ VMware, Adobe, Office, Google Workspace ประหยัดงบ 265 ล้านบาทใน 3 ปี.
  • ปรับปรุง Cyber Security ร่วมกับพาร์ทเนอร์ เช่น การย้าย server ขึ้น cloud, ใช้ WAF, พัฒนาระบบ "แวบ" (Web Application Firewall) เพื่อความปลอดภัยของ eOffice.
  • ใช้ AI ตรวจจับและบล็อกการโจมตีทางไซเบอร์.
  • มี IT Visit เพื่อช่วยส่วนงานแก้ปัญหา Cyber Security.
  • พัฒนา MU Sandbox และ Marvis AI (Marvis 0) ซื้อโมเดล GMIN Pro 2.5 และเตรียมใช้ GPT-4 (ฟรีสำหรับ 60,000 คน).
  • พัฒนา Agentic AI (MCP และ NXN) เพื่อ Automation งาน.
  • พัฒนา Blockchain สำหรับแชร์ประวัติผู้ป่วย (60,000 คน ใน 10 รพ.ของมหาวิทยาลัย) และ digital transcript ของนักศึกษา.
  • ร่วมมือกับกองกิจการนักศึกษาและ HR พัฒนา TeleHealth.
  • ด้านการเงินและการคลัง:ลดขั้นตอนและระยะเวลาการทำงาน (เช่น การเซ็นงานเร็วขึ้น).
  • งานพัสดุจะถูก automate ทำให้ตรวจสอบสถานะได้ในระบบ.
  • แปลงข้อมูลการเงินเป็น Dashboard เพื่อการบริหารจัดการงบประมาณและกระแสเงินสด.
  • เริ่มต้น Sandbox ร่วมกับวิทยาเขตกาญจนบุรี (ระบบตรวจจ่ายแบบใหม่ใช้ AI).
  • แก้ไขปัญหาของบริษัทต่างๆ ของมหาวิทยาลัย.
  • ออกประกาศใหม่สำหรับงบวิจัยให้รวดเร็วขึ้น.
  • มีการตรวจสอบ flow การดำเนินงานของทุกส่วนงาน (ยกเว้นคณะแพทย์) เพื่อ automation และจัดสรรรายได้.
  • ผู้บริหารสามารถใช้มือถือเข้าถึงข้อมูลผ่านศูนย์ธรรมาภิบาลข้อมูล.
  • พันธกิจหลัก (กลุ่ม A1 Synergy Research, A2 Empowering Learners, คุณภาพ, บริการวิชาการ):ด้านวิจัย:ขยาย M-Lex Portal นักวิจัยอัปโหลดโปรไฟล์เพิ่มขึ้น 7.5 เท่า.
  • เชื่อมต่อฐานข้อมูลวิจัยเข้ากับ NRIS (เป็น 1 ใน 2 ของโลกที่สำเร็จ).
  • ทำ Synergy Platform กับ สวทช. (ใช้เครื่องมือ/โครงสร้างพื้นฐานของ สวทช. ได้).
  • เป็นเจ้าภาพจัดงานประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยวิจัย (รันซัม).
  • ส่งเสริม Real Impact (เช่น รางวัลจงเจตน์ เมธวิทย์ - 71 submission).
  • สร้างการรับรู้ MU Top 100 Researcher และสนับสนุนงานวิจัยสายสังคมศาสตร์.
  • เพิ่มคุณภาพงานตีพิมพ์จาก 61% เป็น 67%.
  • ผลงานตีพิมพ์ปัจจุบันเป็นอันดับ 1 (ร่วม).
  • นำองค์ความรู้ใส่ MU Sandbox/Marvis เพื่อ Personalized Consultant ด้านงานวิจัย.
  • สนับสนุนทุน Cluster และ MU Holding.
  • ปรับปรุงศูนย์เครื่องมือกลางให้เข้าถึงสะดวก.
  • ลดขั้นตอนการบริหารงานวิจัย: Portal submit ทุนวิจัย, ลดเวลา CTA และ MTA ครึ่งหนึ่ง.
  • นำร่องระบบเบิกจ่ายทุนวิจัยงวดแรกสำเร็จ (Getting DUN).
  • นำร่อง Virtual Account สำหรับทุนวิจัยที่เขตเวชศาสตร์เขตร้อนและคณะสัตวแพทยศาสตร์.
  • บริหารจัดการ APC (Article Processing Charge) และ Fundamental Fund.
  • ด้านวิชาการ (การขอตำแหน่งวิชาการ):บุคลากรสายวิชาการยื่นขอ 257 ราย, กลั่นกรองแล้ว 73% (เร็วขึ้นมาก).
  • พัฒนาระบบสารสนเทศการขอตำแหน่งวิชาการ (ส่งมอบปลาย ส.ค., ใช้จริงต้น ก.ย.). ระบบเป็น self-submit, auto format, tracking และแจ้งเตือน.
  • สายสนับสนุนขอเลื่อนขั้น 289 ราย, อนุมัติแล้ว 55 ราย.
  • ปรับปรุง Mahidol e-Journal (เป็น Tier 1) และเพิ่มจำนวนงานตีพิมพ์ 12 เป็น 14 งานต่อฉบับ.
  • ส่งเสริมการใช้ MU Press (สำนักพิมพ์) มากขึ้น.
  • ด้านการศึกษา (Empowering Learner):ระดับชาติ: เป็นผู้นำขับเคลื่อนศูนย์ Genet (สทท.) เป็น Center of Excellence General Education and Transferable Skill.
  • ความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัย: ลงทะเบียนรายวิชา GenEd ข้ามสถาบันกับ ม.เกษตรศาสตร์ และ จุฬาฯ.
  • หลักสูตรร่วม 2+2 กับ ม.ธรรมศาสตร์ (วิทยาศาสตร์บัณฑิต คู่ ศิลปศาสตร์บัณฑิต SDG) เริ่มรับนักศึกษาปีหน้า.
  • แพลตฟอร์มการเรียนรู้: MU (Mahidol University Extension) และ MAL (Authentic Life Long Learning) เป็น Portal รวบรวมทุกสิ่งทุกอย่าง.
  • เชื่อมต่อแพลตฟอร์มกับ ม.เชียงใหม่.
  • การออกแบบบทเรียน: GE Plus (นำประสบการณ์มาคิดเป็นหน่วยกิตได้).
  • การพัฒนาอาจารย์: UKPSF/MUsF (อาจารย์ได้รับ MUPSF level 2, 3, 4). ม.มหิดลมี Senior Fellow มากที่สุดในไทย (144 คน).
  • ระบบคลังหน่วยกิต: พัฒนาระบบเพื่อเก็บ Micro-credential.
  • หลักสูตรอนาคต: ปริญญาตรีจะเป็น CV (Corporate and Work Integrated Education).
  • จะมี Skill Transcript นอกเหนือจาก Academic Transcript.
  • ส่งเสริมทักษะแห่งอนาคต (AI, SDG, Digital).
  • มี Buddy (AI) สำหรับตอบคำถามนักศึกษา.
  • มีแพลตฟอร์ม File Me สำหรับนักเรียนมัธยมเลือกคณะ.
  • นโยบายการศึกษา 2 ปีข้างหน้า: Future Ready Education และ Miracle Project.
  • ด้านกิจการนักศึกษา:ดูแลนักศึกษาตั้งแต่ก่อนเรียนจนจบ.
  • จัด Open House (คาดมีผู้เข้าร่วมไม่น้อยกว่า 50,000 คน).
  • ดูแลสุขภาพกายและใจนักศึกษาเชิงรุก (เช่น ฮิวใจ Festival).
  • จัดหาทุนการศึกษา (20 กว่าล้านบาทต่อปีจากมหาวิทยาลัย, 20 กว่าล้านบาทจากภายนอก เช่น Hatari, TOA).
  • จัดงาน Job Fair.
  • เสริมทักษะบุคลากร (เช่น CPR ที่หอพัก).
  • มี Mahidol Application (สิทธิประโยชน์สำหรับนักศึกษาและบุคลากร).
  • ด้านคุณภาพและนโยบาย/แผน:ใช้ Spex (ตั้งแต่ปี 2010).
  • ได้รับรางวัล TQC/TQC Plus 18 รางวัล (4 รางวัลในปีที่ผ่านมา: ทันตแพทยศาสตร์, พยาบาลศาสตร์, เภสัชศาสตร์, IFS ของรามา).
  • หลักสูตรได้รับ International Accreditation 83 หลักสูตรจาก 22 คณะ/วิทยาลัย/สถาบัน.
  • มุ่งเน้น Real World Impact ผ่าน 4 ขั้นตอน (แก้ปัญหา, สร้างความตระหนัก, เปลี่ยนพฤติกรรม, เปลี่ยนนโยบาย).
  • มีทุน Policy Lab Funding, Social Engagement Funding, SDG Living Lab Funding.
  • เน้นเรื่องลด Waste และ Food Management (เช่น คณะสาธารณสุขศาสตร์ทำ Healthy Canteen).
  • จัดโครงการ Mahidol Change Agent รุ่นที่ 1 (ผลักดันโดยอธิการบดี 3 ท่าน).
  • ขยายความร่วมมือ SDG กับภายนอก (เช่น จุฬาฯ, ม.เกษตรศาสตร์, ม.ธรรมศาสตร์, ม.เชียงใหม่).
  • ลงพื้นที่ศึกษาคติชนที่น่าน (สนองพระราชดำริสมเด็จพระเทพฯ).
  • 1 กันยายน (ในปีนี้):
  • รถบัสไฟฟ้า 15 คัน พร้อมแอปพลิเคชันติดตาม เริ่มเข้ามาแทนที่รถราง.
  • รถ Shuttle Bus ไฟฟ้า เริ่มเปลี่ยนแทนรถบัสวิ่งระหว่างวิทยาเขตเดิม.
  • ในช่วง 365 วันที่ผ่านมา (วิทยาเขตและ Global Partnership):
  • วิทยาเขตนครสวรรค์:มุ่งมั่นสร้าง Real World Impact ในพื้นที่.
  • บูรณาการวิจัย การเรียนการสอน และบริการวิชาการ.
  • วิจัยพัฒนาบึงบอระเพ็ด (เศรษฐกิจฐานราก, เกษตรที่เป็นมิตร, จัดการน้ำ).
  • ดูแลพื้นที่เกษตรกรรมอื่น ๆ (เช่น โคกสร้างตนเอง ตากฟ้า).
  • ดูแลการศึกษาเด็กใน รร.เทศบาลนครสวรรค์ (100% ร่วมกับศูนย์จิตปัญญาศึกษา).
  • พัฒนาการแพทย์แผนไทยและการเลี้ยงผึ้ง/ชันโรง (ร่วมกับสมาคมคนพิการ, หลักสูตร non-degree).
  • ร่วมมือกับโครงการ "พอแล้วดี" ทำ micro-credit เรียนต่อ ป.โท ได้.
  • วิทยาเขตอำนาจเจริญ:โครงสร้างพื้นฐาน: ประสานงานติดตั้งไฟฟ้า 3 เฟส และแก้ไขปัญหาน้ำประปาที่สร้างนกทา (คาดพร้อมกลางเทอมใหม่).
  • เป็น Green Campus ด้วยโครงการโซลาร์เซลล์ (15 ล้านบาทที่สร้างนกทา, 11 ล้านบาทที่โนนหนามแท่ง).
  • เป็น Waste Free Campus (ตามรอยศาลายา) วันศุกร์ไม่ใช้ถุงพลาสติก/ลดขยะ.
  • เปิดหลักสูตรใหม่ ป.โท วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต ชุมชนสุขภาวะและความยั่งยืน (รับ 32 คน จาก 60+ คน) เน้นจบใน 1 ปี.
  • ผลกระทบทางสังคม: โครงการส่งเสริมผ้าทอพื้นเมืองลายตะคร้อสลับเอื้อ (เพิ่มรายได้จาก 800 บาท/เดือน เป็น 12,000 บาท/เดือน).
  • ดูแลเด็กที่ได้รับผลกระทบจากความรุนแรง (ร่วมกับสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว), IQ เด็กดีขึ้น.
  • ดูแลผู้สูงอายุ (ขยายศูนย์ดูแลกลางวันผู้สูงอายุครบ 6 อำเภอ, มีกองทุนเอง).
  • ความร่วมมือต่างประเทศ:สปป.ลาว (สวรรเขต).
  • Fujian Medical University, China School of Medicine.
  • University of California, Davis, USA (ร่วมกับคณะเวชศาสตร์เขตร้อน ทำวิจัยที่ Living Lab).
  • ส่งนักศึกษาเกษตรปี 4 ไปฝึกงานที่ออสเตรเลีย (ต.ค. นี้) คาดมีเงินกลับ 300,000 บาท.
  • วิสัยทัศน์: เป็น World Class Campus.
  • วิทยาเขตกาญจนบุรี:มุ่งเป็นจังหวัดภาพยนตร์ (kick off เรื่องผี).
  • พัฒนา Popcorn แกงป่า.
  • การศึกษา: มีเอกชนร่วมทุกหลักสูตรในการฝึกงาน, มีต่างชาติร่วมเกือบทุกหลักสูตร (7 ใน 8).
  • เน้นการศึกษาลงพื้นที่จริงกับชุมชน (inbound เกือบ 200 คน, 20% ของนักศึกษา).
  • สิ่งแวดล้อมและการจัดการ: ได้รับ ISO 14001 ครอบคลุมทุกพันธกิจและพื้นที่.
  • ต้องการ ISO 45001.
  • เป็น Eco และ Smart Campus ในอนาคต.
  • ได้รับรางวัล Green Area, Green Residence (ร่วมกับคณะสิ่งแวดล้อม).
  • PI Valuation 87%, Clean Energy 35%, Recycling >50% (เป้าลด Waste to Landfill เหลือ 20%).
  • ลดขั้นตอนการทำงาน: ลดเวลาขออนุมัติแผนจาก 6.6 วัน เหลือ 2 วัน 8 ชั่วโมง (ลด 77.8%).
  • ลดเวลาจัดซื้อจัดจ้าง/ยืมเงินจาก 16.4 วัน เหลือ 9 วัน 20 ชั่วโมง (ลด 40%).
  • ต้องการเป็น Sandbox และเชิญชวนทุกส่วนงานร่วมสร้างฝัน.
  • ด้าน Branding และสื่อสารองค์กร:สื่อสาร Real World Impact เป็น Concept หลัก.
  • Communication Synergy:ภายใน: Town Hall (ครั้งที่ 1 ก.ค. 2567, ครั้งที่ 2 ที่ 103 วัน, Town Hall นักศึกษา, Town Hall OP ครั้งที่ 5 ใน 365 วัน).
  • ภายนอก: One Message, One Voice, Many Channel. Press Conference เรื่อง Real World Impact (มี.ค.) ได้รับการมองเห็น 64 ล้านครั้ง. MU Channel มียอดวิว 1 ล้านวิว, ได้โล่ทอง MU Channel Kids.
  • Digital Platform: เปิด TikTok มหิดล University.
  • Sustainable Brand:Partner กับ ม.จุฬาฯ, ม.ธรรมศาสตร์ (หลักสูตรร่วม), ม.เกษตรศาสตร์ (เกษตรแฟร์ @ ศาลายา).
  • Media Partner: ไทย PBS (โครงการโทรทัศน์), The Standard (ระดมทุน).
  • พัฒนา MU Fragrance (กลิ่นหอมของมหาวิทยาลัย) ร่วมกับบริษัท T.
  • ร่วมมือกับ Stanley (ผลิตกระบอกน้ำ) และ Grese (กำจัดขยะในโครงการวิ่ง).
  • World Class Reputation:กำลังพัฒนา International Media Platform.
  • Faculty Synergy for International Reputation.
  • ร่วมกับมูลนิธิมหิดลฯ ระดมทุน 1,000 ล้านบาท สร้าง MU BiL.
  • ด้าน Global Partnership (Capacity Building/Medical Diplomacy):โครงการความช่วยเหลือทางด้านการแพทย์กับประเทศซามัว (ตามคำร้องขอจากกระทรวงต่างประเทศ).
  • นโยบาย Capacity Building มุ่งสร้างศักยภาพการรักษาให้ประเทศอื่นยืนบนขาตัวเองได้.
  • มี 15 ส่วนงานร่วมโครงการแล้ว.
  • ลงนามความร่วมมือกับกระทรวงการต่างประเทศสำหรับ 16 โครงการใน 3 ปีข้างหน้า.
  • ระดมทุนจากมูลนิธิมหิดล, องค์กรต่างประเทศ, องค์กรในประเทศ.
  • ยกตัวอย่าง: ได้เงินจาก Thai Aid ช่วยซามัว 10 ล้านบาท.
  • เน้นย้ำ: ไม่ต้องถามว่าทำที่ไหน แต่สำคัญคือ "เราทำได้แล้ว เราได้ทำ". งานนี้เป็น Long Shot, Long Term, Journey ที่ทุกคนต้องไปร่วมกัน.
  • ปลายเดือนสิงหาคม:
  • ระบบสารสนเทศการขอตำแหน่งวิชาการส่งมอบ.
  • ต้นเดือนกันยายน:
  • ทุกคนเริ่มใช้ระบบสารสนเทศการขอตำแหน่งวิชาการ.
  • นักศึกษาจะกลับมาเรียนในมหาวิทยาลัย (คาดว่าจะส่งเสียงดัง).
  • ตุลาคม (ในปีนี้):
  • นักศึกษาเกษตรปี 4 ของวิทยาเขตอำนาจเจริญไปฝึกงานที่ออสเตรเลีย.
  • ไม่นานนี้ (ภายใน 18 เดือน):
  • MU BiL จะสามารถผลิตเวกเตอร์ที่ใช้ในการทำ ATMP ได้.
  • ปีหน้า:
  • คาดจะมี Senior Fellow เกือบ 200 คน (ในโครงการ UKPSF/MUsF).
  • มีเรื่องใหม่ๆ เกิดขึ้นเกี่ยวกับสวัสดิการสุขภาพ (ขยาย Flex Benefit).
  • จะเริ่มรับนักศึกษาหลักสูตรร่วม 2+2 กับ ม.ธรรมศาสตร์.
  • จะเน้นการเป็น "doing" จาก "driving" ในคอนเซ็ปต์ Real World Impact.
  • 2 ปีข้างหน้า:
  • นโยบายการศึกษาจะผลักดัน Future Ready Education และ Miracle Project.
  • 3 ปีข้างหน้า:
  • โครงการความร่วมมือกับกระทรวงการต่างประเทศ (16 โครงการ) จะสร้าง Real Impact.
  • วิทยาเขตอำนาจเจริญตั้งเป้าเป็น Campus of Choice.
  • ปี 2570:
  • จัดนิทรรศการถวายสมเด็จพระเทพฯ เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมายุ 6 รอบ 72 พรรษา (จากโครงการศึกษาคติชนที่น่าน).
  • ปี 2572:
  • รถไฟฟ้าสายสีแดงจะมาถึงมหาวิทยาลัย (สถานีศาลายา).

รายชื่อตัวละครและประวัติโดยย่อ

  • ศาสตราจารย์ นายแพทย์ ปิยมิตร ศรีธรา:
  • อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล.
  • เป็นผู้ริเริ่มและขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ "Real World Impact" และ "World Class University".
  • เป็นประธานศูนย์ Genet (สทท.) ของกระทรวง อว.
  • มีบทบาทสำคัญในการผลักดันโครงการ MU BiL, การเปิดทางออกทิศตะวันตก, Digital Transformation, Capacity Building และ Medical Diplomacy.
  • ท่านรอง สิทธิวัฒน์:
  • หนึ่งในผู้ช่วย 5 ท่านแรกที่ได้รับเลือกเพื่อขับเคลื่อน Amplifying Operation.
  • ดูแลงานด้านธุรการและโครงสร้างพื้นฐาน.
  • มีส่วนร่วมในการนำระบบ e-document และ e-signature กลับมาใช้ และโครงการ MU BiL.
  • ท่านรอง นารา:
  • หนึ่งในผู้ช่วย 5 ท่านแรก.
  • ดูแลงานด้านทรัพยากรบุคคล (HR) และ Well-being.
  • รับผิดชอบโครงการฉีดวัคซีน, สิทธิ์ 30 บาท, ประกันสุขภาพ, ส่วนลดค่าเทอมบุตรหลาน, และนโยบายสมรสเท่าเทียม.
  • ท่านรอง อิทธิโชติ:
  • หนึ่งในผู้ช่วย 5 ท่านแรก.
  • ดูแลงานด้านกายภาพและสิ่งแวดล้อม.
  • รับผิดชอบการเปลี่ยนยานพาหนะเป็นพลังงานสะอาด (รถบัสไฟฟ้า, Shuttle Bus ไฟฟ้า), จักรยาน Anywheel, การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน, การเชื่อมต่อกับสถานีรถไฟฟ้าศาลายา, การเปิดทางเข้า-ออกใหม่ทางทิศตะวันตก, และการบริหารจัดการ AI Camera.
  • ท่านรอง เชิดชัย (รองไอที):
  • หนึ่งในผู้ช่วย 5 ท่านแรก.
  • ดูแลงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) และ Digital Transformation.
  • รับผิดชอบการจัดซื้อซอฟต์แวร์, Cyber Security, การพัฒนา AI (MU Sandbox, Marvis AI, Agentic AI), และ Blockchain.
  • ท่านรอง สรายุทธ (รองคลัง):
  • หนึ่งในผู้ช่วย 5 ท่านแรก.
  • ดูแลงานด้านการเงินและการคลัง.
  • รับผิดชอบการปรับปรุงกระบวนการทำงานให้รวดเร็วขึ้น, Automation งานพัสดุ, การสร้าง Dashboard ข้อมูลทางการเงิน, และการกำกับดูแลปัญหาบริษัทต่างๆ.
  • ท่านรอง ยศนันท์ (รองวิจัย):
  • หนึ่งในผู้ช่วย 5 ท่านถัดไป (กลุ่มพันธกิจสำคัญ).
  • ดูแลงานด้านการวิจัย (Synergy Research).
  • รับผิดชอบการขยาย M-Lex Portal, การเชื่อมต่อ NRIS, Synergy Platform กับ สวทช., การจัดงานประชุมรันซัม, การส่งเสริม Real Impact, และการลดขั้นตอนการบริหารงานวิจัย.
  • ท่านรอง วรพงษ์ (รองวิชาการ):
  • หนึ่งในผู้ช่วย 5 ท่านถัดไป.
  • ดูแลงานด้านวิชาการและการขอตำแหน่งวิชาการ.
  • รับผิดชอบการกลั่นกรองและอนุมัติตำแหน่งวิชาการ, การพัฒนาระบบสารสนเทศการขอตำแหน่งวิชาการ, และการสนับสนุน Mahidol e-Journal และ MU Press.
  • ท่านรอง เนติ (รองการศึกษา):
  • หนึ่งในผู้ช่วย 5 ท่านถัดไป.
  • ดูแลงานด้านการศึกษา (Empowering Learners).
  • รับผิดชอบการขับเคลื่อนศูนย์ Genet, ความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยอื่น, แพลตฟอร์ม MU/MUL, การพัฒนาอาจารย์ (UKPSF/MUsF), และหลักสูตรอนาคต (CV, Skill Transcript, Future Ready Education, Miracle Project).
  • ท่านรอง จุ๊บ (รองจุ๊บ ชัชัย - รองกิจการนักศึกษา):
  • หนึ่งในผู้ช่วย 5 ท่านถัดไป.
  • ดูแลงานด้านกิจการนักศึกษา.
  • รับผิดชอบ Open House, สุขภาพกาย/ใจนักศึกษา, ทุนการศึกษา, Job Fair, การฝึก CPR, และ Mahidol Application.
  • ท่านรอง สมภพ (รองนโยบายและแผน/Quality):
  • หนึ่งในผู้ช่วย 5 ท่านถัดไป.
  • ดูแลงานด้านคุณภาพและนโยบาย/แผน.
  • รับผิดชอบการขับเคลื่อน Spex, TQC, International Accreditation, และการส่งเสริม Real World Impact ผ่านบริการวิชาการ.
  • ท่านรอง (วิทยาเขตนครสวรรค์ - ไม่ระบุชื่อ):
  • หนึ่งในผู้ช่วย 5 ท่านสุดท้าย (กลุ่มวิทยาเขต).
  • ดูแลงานของวิทยาเขตนครสวรรค์ เน้นการส่งมอบ Real World Impact ให้กับพื้นที่.
  • ท่านรอง จิ๋ว (วิทยาเขตอำนาจเจริญ - ไม่ระบุชื่อ):
  • หนึ่งในผู้ช่วย 5 ท่านสุดท้าย.
  • ดูแลงานของวิทยาเขตอำนาจเจริญ เน้นการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน, การเป็น Green Campus, การพัฒนาหลักสูตร, การส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน, และการดูแลกลุ่มเปราะบาง.
  • ท่านรอง ทัชวี (วิทยาเขตกาญจนบุรี):
  • หนึ่งในผู้ช่วย 5 ท่านสุดท้าย.
  • ดูแลงานของวิทยาเขตกาญจนบุรี เน้นการเป็นจังหวัดภาพยนตร์, การพัฒนาหลักสูตร, การเป็น Eco/Smart Campus, และการลดขั้นตอนการทำงาน.
  • ท่านรอง หนึ่ง (Branding และสื่อสารองค์กร - ไม่ระบุชื่อ):
  • หนึ่งในผู้ช่วย 5 ท่านสุดท้าย.
  • ดูแลงานด้าน Branding และการสื่อสารองค์กร.
  • รับผิดชอบการสื่อสาร Real World Impact, Communication Synergy (ภายในและภายนอก), Digital Platform (TikTok), และการสร้าง Sustainable Brand.
  • ท่านรอง แป้ง (Global Partnership - ไม่ระบุชื่อ):
  • หนึ่งในผู้ช่วย 5 ท่านสุดท้าย.
  • ดูแลงานด้าน Global Partnership และ Medical Diplomacy.
  • รับผิดชอบโครงการ Capacity Building, การประสานงานกับกระทรวงต่างประเทศ, และการระดมทุนเพื่อสร้าง Real World Impact ในระดับโลก.
  • อาจารย์ จงเจตน์:
  • เกี่ยวข้องกับ "รางวัลจงเจตน์ เมธวิทย์" ซึ่งเป็นรางวัลที่ส่งเสริมงานวิจัย.
  • อาจารย์ สุรพร:
  • อดีตรองอธิการบดี (ระบุว่าท่านได้เริ่มต้นการดำเนินการบางอย่างก่อนหน้านี้ เช่น การขอประมาณสำหรับ Clean Energy ที่วิทยาเขตอำนาจเจริญ และการพัฒนาเด็ก).
  • ท่านนายกสภา (ปัจจุบัน):
  • ท่านอาจารย์ อุดม: มีบทบาทในการผลักดันโครงการ Mahidol Change Agent.
  • ท่านอาจารย์ ปิยสกล:
  • เป็นอธิการบดีที่เข้าร่วมผลักดันโครงการ Mahidol Change Agent (อาจหมายถึงอดีตอธิการบดีหรือผู้บริหารที่มีบทบาท).
  • บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์, BDMS กรุ๊ป, ธนาคารกรุงเทพ:
  • ภาคเอกชนที่ร่วมลงทุนเกือบ 2,000 ล้านบาท ในการปรับปรุงโรงงานผลิตยาที่มีชีวิต (MU BiL).
  • มูลนิธิมหาวิทยาลัยมหิดล:
  • บริจาคเงิน 23 ล้านบาท สำหรับการออกแบบ MU BiL.
  • ร่วมมือกับสื่อสารองค์กรระดมทุน 1,000 ล้านบาท เพื่อสร้าง MU BiL.
  • โรงพยาบาลรามาธิบดี, โรงพยาบาลศิริราช:
  • ให้ความร่วมมือในการฉีดวัคซีนบุคลากร, การเลือกสิทธิ์ 30 บาท สำหรับผู้เกษียณ, และประกันสุขภาพ.
  • วิทยาลัยนานาชาติ (MUIC) และโรงเรียนสาธิตนานาชาติ:
  • ให้ส่วนลดค่าเทอม 50% สำหรับบุตรหลานบุคลากร.
  • MUIC ได้รับคำชื่นชมจากการช่วยแปล e-document จากไทยเป็นอังกฤษ.
  • MUIC ได้รับรางวัล PSF Level 2.
  • สถาบันบริหารจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรม (IMT):
  • ได้รับรางวัล "ขนมปี๊บ" สำหรับการใช้ e-document สูงสุด.
  • คณะเภสัชศาสตร์:
  • ได้รับรางวัลคะแนนสูงสุดด้านสิ่งแวดล้อมและกายภาพ/ความปลอดภัย.
  • ได้รับรางวัลด้าน Activity Transcript 100% และ Alumni Engagement สูงกว่า 30%.
  • คณะทันตแพทยศาสตร์:
  • ได้คะแนนสูงสุดร่วมกับคณะเภสัชศาสตร์ด้านสิ่งแวดล้อมและกายภาพ/ความปลอดภัย.
  • ได้รับรางวัลด้านคุณภาพจากการประเมิน AQA (2 หลักสูตรได้คะแนนระดับ 6/7).
  • กองบริหารงานทั่วไป:
  • ร่วมมือกับกองไอทีในการนำ e-document กลับมาใช้.
  • ดูแลเกษตรแฟร์ @ ศาลายา ร่วมกับกองกายภาพ.
  • กองบริหารงานวิจัย:
  • ร่วมมือกับไอทีในการทำ Hackathon เพื่อให้ AI ช่วยถามตอบข้อมูลวิจัย.
  • กองกิจการนักศึกษา:
  • ร่วมมือกับ HR และโรงพยาบาลในการทำ TeleHealth.
  • ดูแลเรื่อง Town Hall นักศึกษา, ฮิวใจ Festival, ทุนการศึกษา, Job Fair, และ Mahidol Application.
  • จัด Sustainability Fest ร่วมกับ จุฬาฯ และ ม.ธรรมศาสตร์.
  • จัดโครงการวิ่ง (ร่วมกับบริษัท Grese).
  • สถาบันนวัตกรรมแห่งการเรียนรู้:
  • ได้รับรางวัล "ขนมปี๊บ".
  • คณะพยาบาลศาสตร์:
  • ได้รับรางวัล PSF Level 2 มากที่สุด (มากกว่า 50% ของคณาจารย์).
  • คณะกายภาพบำบัด:
  • ได้รับรางวัล PSF Level 2 สูงเป็นอันดับสอง (ตามหลังพยาบาลศาสตร์ 3%).
  • ศูนย์บริหารสินทรัพย์:
  • ได้รับรางวัล "ขนมปี๊บ" ในงานวิชาการ.
  • คณะสัตวแพทยศาสตร์:
  • ร่วมนำร่อง Virtual Account สำหรับทุนวิจัย.
  • ได้รับรางวัลด้าน Activity Transcript 100% และ Alumni Engagement สูงกว่า 30%.
  • คณะสิ่งแวดล้อม:
  • ช่วยเหลือวิทยาเขตกาญจนบุรีในเรื่อง Green Area และ Green Residence.
  • คณะ ICT (เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร):
  • ได้รับรางวัล "ขนมปี๊บ" จากวิทยาเขตนครสวรรค์.
  • ได้รับรางวัลด้านคุณภาพจากการประเมิน AQA (2 หลักสูตรได้คะแนนระดับ 6/7).
  • กองกายภาพ (กอล์ฟ):
  • ได้รับรางวัล "ขนมปี๊บ" จาก Global Partnership.
  • ดูแลเกษตรแฟร์ @ ศาลายา ร่วมกับกองบริหารงานทั่วไป.
  • สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว:
  • ร่วมมือกับวิทยาเขตอำนาจเจริญในการดูแลเด็กที่ได้รับผลกระทบจากความรุนแรง.
  • ได้รับรางวัล "ขนมปี๊บ" จากวิทยาเขตอำนาจเจริญ.
  • คณะเวชศาสตร์เขตร้อน:
  • ช่วยประสานงานให้ University of California, Davis มาทำวิจัยที่ Living Lab ที่อำนาจเจริญ.
  • ร่วมนำร่อง Virtual Account สำหรับทุนวิจัย.
  • ได้รับรางวัล "ขนมปี๊บ" จากวิทยาเขตอำนาจเจริญ.
  • กองการศึกษา:
  • ร่วมมือกับ ม.ธรรมศาสตร์ ในหลักสูตรร่วม.
  • ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้แบบบูรณาการชีวิต:
  • ร่วมดำเนินงานด้านการศึกษา.
  • ดูแลการศึกษาเด็กใน รร.เทศบาลนครสวรรค์.
----
NotebookLM-Podcast
----

Comments

Popular posts from this blog

Upright Fluorescence Microscope (update 24 Dec 2024)

ZEISS ZEN lite Free Imaging Software for Microscopy (update: 2025-05-21)